วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J <p><strong>วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม </strong></p> <p><strong>กำหนดออก</strong>: 3 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน<br /> ฉบับที่ 2 พฤษภาคม – สิงหาคม ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม <br /><br /><strong>จำนวนบทความที่ตีพิมพ์: </strong>จำนวน 8 บทความ ต่อ 1 ฉบับ</p> <p><strong>ISSN: </strong>2821-9678 (Online)</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์: </strong>วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มีนโยบายเผยแพร่บทความวิชาการ บทความวิจัย และบทวิจารณ์หนังสือ ในด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้แก่ ภาษาศาสตร์และวรรณคดี ภาษา สังคมวิทยา จิตวิทยา ประวัติศาสตร์ ปรัชญาและศาสนา การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิเทศศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ ศิลปกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รวมถึงบทความด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ นักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ ตลอดจนนิสิตนักศึกษา</p> <p> วารสารไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการส่งบทความเพื่อเผยแพร่ บทความหรือข้อคิดเห็นต่างๆ ที่ปรากฏในวารสารนี้จะต้องผ่านการกลั่นกรองคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้องจำนวน 3 ท่าน จากหลากหลายสถาบันในลักษณะ Double-Blind Peer Review และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการ รายละเอียดและเนื้อหาที่ปรากฏถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัวและความรับผิดชอบเฉพาะของผู้เขียน ไม่จำเป็นต้องตรงกับความคิดเห็นหรือเป็นความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการผู้จัดทำ</p> Faculty of Humanities and Social Sciences, Nakhon Pathom Rajabhat University en-US วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม 2821-9678 <p>วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม</p> การพัฒนาระบบฐานข้อมูลบุคลากร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J/article/view/4322 <p><strong> บทคัดย่อ</strong></p> <p>บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลบุคลากรของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งการดำเนินการวิจัยได้แบ่งการวิจัยออกเป็น 2 ส่วน คือ 1) การพัฒนาระบบฐานข้อมูลบุคลากร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ซึ่งเป็นระบบสารสนเทศที่สามารถช่วยในการจัดเก็บข้อมูลด้านบุคลากรที่สอดคล้องกับบริบทการทำงานของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ 2) การประเมินประสิทธิภาพการทำงานของระบบ ซึ่งมีผลการประเมินเป็นดังนี้ ด้านประสิทธิภาพการทำงานของระบบ การทำงานส่วนแสดงผลของระบบที่ตรงตามความต้องการ อยู่ในระดับมาก (x̄= 4.32, SD = 0.52) และด้านการประเมินด้านการใช้งานของระบบ อยู่ในระดับมาก (x̄= 4.31, SD = 0.50)</p> <p> </p> ขวัญสุมน สีเหลือง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-31 2025-10-31 15 3 1 12 การสร้างคู่มือปฏิบัติการลาของบุคลากร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J/article/view/3645 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการรับรู้แนวปฏิบัติการลาของบุคลากร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม 2) เพื่อสร้างคู่มือปฏิบัติการลาของบุคลากร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของบุคลากรต่อคู่มือปฏิบัติการลาของบุคลากร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ซึ่งตัวอย่าง คือ บุคลากรคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม จำนวน 100 คน โดยใช้วิธีคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li class="show">การรับรู้แนวปฏิบัติการลาประเภทต่างๆ ของบุคลากร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม สามารถเรียงลำดับจากค่าเฉลี่ยสูงที่สุดได้ ดังนี้ การลาพักผ่อนประจำปี (x̄=4.92) การลาศึกษา/ฝึกอบรม/ดูงาน/ปฏิบัติงานวิจัย (x̄=4.77) การลาป่วย (x̄=4.76) การลากิจส่วนตัว (x̄=4.72) การลาดูแลบุตรและภรรยาหลังคลอดบุตร (x̄=4.70) การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล (x̄= 4.65) การลาอุปสมบท (x̄= 4.61) การลาคลอดบุตร (x̄=4.57) การลาไปถือศีลและปฏิบัติธรรม (x̄=4.54) การลาไปประกอบพิธีฮัจญ์ (x̄=4.46) และการลาติดตามคู่สมรส (x̄=43)</li> <li>คุณภาพของคู่มือปฏิบัติการลาของบุคลากร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม พบว่า ด้านรูปเล่ม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มีความคิดเห็น ดังนี้ ความเหมาะสมของขนาดตัวอักษรและส่วนประกอบของปกนอก คิดเป็นร้อยละ 100 ความสวยงามของปกหน้า คิดเป็นร้อยละ 100 ขนาดของคู่มือและความถูกต้องของการพิมพ์ คิดเป็นร้อยละ 60 ด้านเนื้อหา ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ มีความคิดเห็น ดังนี้ เนื้อหาครอบคลุม เหมาะสม เป็นปัจจุบัน กระชับ เข้าใจได้ง่าย ขั้นตอนชัดเจน คิดเป็นร้อยละ 100 และเนื้อหานำไปใช้ปฏิบัติจริงได้ สำนวนภาษาอ่านเข้าใจง่าย คิดเป็นร้อยละ 60 และด้านการนำคู่มือไปใช้ประโยชน์ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มีความคิดเห็น ดังนี้ สามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาได้ นำไปใช้ประโยชน์ด้านการลาได้ถูกต้อง ปฏิบัติตามขั้นตอนการลาได้จริง คิดเป็นร้อยละ 100 และสามารถนำคู่มือพกพาไปใช้ได้อย่างสะดวก คิดเป็นร้อยละ 80</li> <li>ความพึงพอใจของบุคลากรที่ใช้คู่มือปฏิบัติการลาของบุคลากร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความพึงพอใจคู่มือ โดยเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านรูปเล่มของคู่มือ (x̄= 4.66) ด้านเนื้อหาของคู่มือ (x̄= 4.51) และด้านการนำไปใช้ ( x̄= 4.41) </li> </ol> อ้อมนภา จำปาอ่อน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-31 2025-10-31 15 3 13 23 แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J/article/view/4496 <p>การวิจัยเรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะการบริหารจัดการ เพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูล การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม ตลอดจนวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล โดยการวิจัยพบว่า มีปัญหาและอุปสรรคในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ดังนี้ คือ ประชาชนไม่ได้รับหนังสือแจ้งชำระภาษี ระบบฐานข้อมูลไม่เป็นปัจจุบัน บุคลากรและงบประมาณสนับสนุนไม่เพียงพอ และประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้โดยตรง จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้พบว่าการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นมีแนวทางการแก้ไข ได้แก่ การสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงหน้าที่ของผู้เสียภาษี ปรับปรุงฐานข้อมูลให้ตรงกับข้อมูลผู้ถือครองทรัพย์สินจริง จัดสรรทรัพยากรบุคลากรและงบประมาณให้เพียงพอ และประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้ด้านภาษีโดยคำนึงถึงสภาพการณ์และความเหมาะสมของชุมชน ในการนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ควรเร่งเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้ข้อมูลถูกต้องและเป็นปัจจุบัน จัดจ้างบุคลากรให้เพียงพอต่อภาระงาน และดำเนินการประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น</p> ธีรศักดิ์ ลีละพัฒนา นเรศ ชูดวง นาฎนภา ชูดวง ฉลองบูรณ์ เพ็งลำ ธนัญญา ศรีวิทยาวราภรณ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-31 2025-10-31 15 3 24 39 แรงจูงใจในการเลือกประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมบริการหลังจบการศึกษาสำหรับนิสิตชั้นปีที่ 4 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J/article/view/4453 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแรงจูงใจในการประกอบอาชีพอุตสาหกรรมบริการหลังจบการศึกษาสำหรับนิสิตชั้นปีที่ 4 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน 2) ศึกษาการตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพอุตสาหกรรมบริการหลังจบการศึกษาสำหรับนิสิตชั้นปีที่ 4 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง คือ นิสิตชั้นปีที่ 4 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ปีการศึกษา 2566 จำนวน 200 คน วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า ภาพรวมของแรงจูงใจอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านลักษณะของงาน (x̅<span style="font-size: 0.875rem;"> = 4.33, S.D. = 0.70) รองลงมา ด้านผลตอบแทนและสวัสดิการ (</span><img style="font-size: 0.875rem;" src="blob:https://so07.tci-thaijo.org/dd3be4b8-20b2-4107-b636-13745f8eed1a" alt="" />x̅<span style="font-size: 0.875rem;"> = 4.32, S.D. = 0.74) ด้านสภาพแวดล้อมการทำงาน (</span><img style="font-size: 0.875rem;" src="blob:https://so07.tci-thaijo.org/dd3be4b8-20b2-4107-b636-13745f8eed1a" alt="" />x̅<span style="font-size: 0.875rem;">= 4.36, S.D. = 0.71) ด้านการเจริญก้าวหน้าของงาน (</span><img style="font-size: 0.875rem;" src="blob:https://so07.tci-thaijo.org/dd3be4b8-20b2-4107-b636-13745f8eed1a" alt="" />x̅<span style="font-size: 0.875rem;"> = 4.33, S.D. = 0.71) ด้านความมั่นคงในตำแหน่งงาน (x̅</span><img style="font-size: 0.875rem;" src="blob:https://so07.tci-thaijo.org/dd3be4b8-20b2-4107-b636-13745f8eed1a" alt="" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 4.34, S.D. = 0.70) และสังคมเพื่อนร่วมงาน (x̅</span><img style="font-size: 0.875rem;" src="blob:https://so07.tci-thaijo.org/dd3be4b8-20b2-4107-b636-13745f8eed1a" alt="" /><span style="font-size: 0.875rem;"> = 4.32, S.D. = 0.77) ตามลำดับ</span></p> <p>นิสิตชั้นปีที่ 4 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว คณะอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เลือกประกอบอาชีพธุรกิจโรงแรมมากที่สุด รองลงมา คือ ธุรกิจการบิน และธุรกิจท่องเที่ยว เนื่องจากผลตอบแทนและ สวัสดิการเหมาะสมกับงานที่ได้รับและเพียงพอต่อการดำรงชีวิต โดยมีค่าร้อยละ 28.42</p> นภภัสสร ทนทาน กานติมา จันทะสี นิรมิล พั่วพันศรี กิตติยศ สายสกล บริสุทธิ์ แสนคำ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-31 2025-10-31 15 3 40 55 การศึกษาพฤติกรรมและความตระหนักการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งาน แอปพลิเคชัน TikTok ของนิสิตครู https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J/article/view/4475 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok <br />ของนิสิตครู 2) ศึกษาความตระหนักในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ของนิสิตครู กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นิสิตครู วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา ชั้นปีที่ 2 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 214 คน ซึ่งได้มาจากการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากตารางสำเร็จรูปของ Krejcie &amp; Morgan เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามพฤติกรรมและความตระหนักการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ของนิสิตครู วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (x̄) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัยพบว่า ภาพรวมพฤติกรรมการใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ของนิสิตครูเป็นไปเพื่อความบันเทิงมากที่สุด (x̄= 3.28, S.D.= 1.26) ความตระหนักในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ของนิสิตครู ในคำถามเชิงบวกซึ่งเป็นคำถามเกี่ยวกับวิธีการป้องกันความปลอดดภัยของข้อมูลบนโลกไซเบอร์ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̄= 3.83, S.D. = 1.07) ส่วนความตระหนักในการรักษา ความปลอดภัยของข้อมูลในการใช้งานแอปพลิเคชัน TikTok ของนิสิตครูในคำถามเชิงลบ ซึ่งเป็นคำถามเกี่ยวกับความรู้วิธีการใช้งานที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดดภัยของข้อมูลบนโลกไซเบอร์ภาพรวมยู่ในระดับปานกลาง (x̄= 2.51, S.D. = 1.29)</p> วิลาวัลย์ สมยาโรน เอกพล โพธิจันทร์ สุรางคนา ติ๊บปาละ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-31 2025-10-31 15 3 56 67 พฤติกรรมการอ่านของประชาชนในชุมชนหมู่ 3 ตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J/article/view/4572 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการอ่านของประชาชนในชุมชนหมู่ 3 ตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ประชาชนหมู่ 3 ตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 319 คน เครื่องมือวิจัยได้แก่แบบสอบถามเป็นคำถามแบบเลือกตอบ (check list) และเป็นคำถามแบบมาตราส่วนประเมินค่า (rating scales) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่าประชาชนประชาชนในชุมชนหมู่ 3 ตำบลท่าผา มีเวลาที่ใช้ในการอ่านส่วนใหญ่คือ อ่านเดือนละครั้ง สำหรับเวลาที่ใช้ในการอ่านส่วนมากใช้เวลาอ่านประมาณ 15- 30 นาที และใช้ช่วงเวลาอ่านในตอนช่วงเวลาค่ำ เป็นส่วนใหญ่ โดยใช้เวลาไม่มากนักไม่เกิน 30 นาที และมักจะอ่านที่บ้านมากที่สุด ส่วนพฤติกรรมที่ทำหว่างการอ่าน คือดูโทรทัศน์ ดูภาพยนตร์ซีรีย์ สำหรับการได้รับคำแนะนำในการอ่าน ผลการวิจัย พบว่า ประชาชนในชุมชนตำบลท่าผา ส่วนใหญ่อ่านด้วยตนเอง สำหรับวัตถุประสงค์ในการอ่านคือ พบว่า ส่วนใหญ่อ่านเพื่อรับรู้ข่าวสารหรือข้อมูลต่าง ๆ ส่วนสื่อที่ประชาชนส่วนใหญ่ชอบอ่านระหว่างสื่อสิ่งพิมพ์กับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พบว่า ประชาชนชอบอ่านสื่อสิ่งพิมพ์มากกว่าสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำหรับความสนใจการอ่านด้านประเภทและเนื้อหาของสื่อสิ่งพิมพ์ พบว่า มีความสนใจอ่านประเภทหนังสือเรียน ส่วนด้านเนื้อหาที่อ่านมาก คือ ด้านวัฒนธรรม สำหรับการอ่านจากประเภทของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พบว่า อ่านจากเฟซบุ๊กมากที่สุด สำหรับปัญหาในการอ่าน พบว่า ผู้อ่านส่วนใหญ่ไม่มีเวลาในการอ่าน</p> ไพโรจน์ แก้วเขียว ชุติมา ธงเพ็ง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-31 2025-10-31 15 3 68 81 การเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้าที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจ ของผู้ให้บริการโลจิสติกส์กลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ กรณีศึกษาบริษัท เอสบี https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J/article/view/4670 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยในการเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้าที่เหมาะสม และ 2) วิเคราะห์ทำเลที่ตั้งคลังสินค้าเช่าแห่งใหม่ที่เหมาะสม โดยคณะผู้วิจัยศึกษาปัจจัยในการเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้า โดยศึกษาปัจจัยในการเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้าจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องและใช้แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเก็บข้อมูลผู้บริหารของบริษัทที่มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจ จำนวน 3 คน จากนั้นใช้วิธีการประเมินระดับความสำคัญของปัจจัย (factor rating method) เพื่อวิเคราะห์ตัดสินใจเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้าเพื่อเช่าใหม่ จำนวน 3 พื้นที่ในกรุงเทพฯ ได้แก่ คลังสินค้าโชคชัย 4 คลังสินค้าห้วยขวาง และคลังสินค้าลาดพร้าว พบว่า 1) ปัจจัยในการเลือกทำเลที่ตั้งคลังสินค้าที่เหมาะสมมี 6 ปัจจัยเรียงตามความสำคัญ ได้แก่ ปัจจัยด้านคุณลักษณะคลังสินค้าค่าน้ำหนักร้อยละ 35 ปัจจัยด้านความสะดวกในการขนส่งค่าน้ำหนักร้อยละ 25 ปัจจัยด้านราคาค่าเช่าค่าน้ำหนักร้อยละ 15 ปัจจัยด้านการจราจรค่าน้ำหนักร้อยละ 15 ปัจจัยด้านแหล่งสาธารณูปโภคค่าน้ำหนักร้อยละ 5 และปัจจัยด้านโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจค่าน้ำหนักร้อยละ 5 และ 2) จากการวิเคราะห์ ระดับความสำคัญของปัจจัย ทำเลที่ตั้งคลังสินค้าโชคชัย 4 มีคะแนนน้ำหนักมากที่สุด เท่ากับ 63.17 คะแนน ซึ่งควรตัดสินใจเลือกเป็นทำเลที่ตั้งในพื้นที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งคลังสินค้าแห่งใหม่ รองลงมา คือ คลังสินค้าลาดพร้าว และคลังสินค้าห้วยขวาง เท่ากับ 60.48 และ 46.00 คะแนน ตามลำดับ ซึ่งทางบริษัทมีความคิดเห็นที่จะนำผลการวิเคราะห์ดังกล่าวไปใช้จริงในอนาคต</p> กรรภิรมย์ สกุลเลิศศิรนันต์ สุชานันท์ แสงเส้น กุลบัณฑิต แสงดี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-31 2025-10-31 15 3 82 96 A การศึกษาชาไทยสู่การเป็นเครื่องดื่มประจำชาติ https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J/article/view/7391 <p>การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยด้านการตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการบริโภคชาไทย พร้อมสำรวจความคิดเห็นและทัศนคติเกี่ยวกับการทำให้ชาไทยเป็นเครื่องดื่มประจำชาติ โดยใช้วิธีวิจัยแบบสำรวจผ่านแบบสอบถาม 40 ชุด และประมวลผลข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS รุ่นที่25 ในการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่เคยบริโภคชาไทย โดยมักเลือกชาไทยรสหวานน้อยช่วงกลางวัน (62.5%) และส่วนใหญ่นิยมชาไทยที่มีราคาต่ำกว่า 60 บาท (45%) โดยผู้บริโภคเป็นผู้ตัดสินใจเลือกซื้อเองถึง 57.5% สำหรับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ด้านผลิตภัณฑ์พบว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับรสชาติที่ดีและเป็นเอกลักษณ์ ด้านราคาเน้นว่าราคาต้องสอดคล้องกับปริมาณชาไทยที่ได้รับ ด้านช่องทางการจำหน่ายพบว่าผู้บริโภคสนใจการโปรโมทร้านชาไทยผ่านสื่อออนไลน์เพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น และด้านการส่งเสริมการตลาด ผู้บริโภคสนใจในผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากชาไทย เช่น ไอศกรีม ขนมหวาน ซึ่งส่งผลให้ชาไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากข้อมูลสัมภาษณ์เพิ่มเติม ผู้บริโภคเห็นด้วยว่าชาไทยเป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยินดีสนับสนุนชาไทยให้กลายเป็นเครื่องดื่มประจำชาติ</p> พรรณวษา แอตาล ดวงจิตร สุขภาพสุข ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-31 2025-10-31 15 3 109 123 “เกย์” ว่าด้วยเรื่องการเปิดเผยตัวในหน้าประวัติศาสตร์ไทย https://so07.tci-thaijo.org/index.php/HUSO-J/article/view/4416 <p>บทความเรื่อง “เกย์” ว่าด้วยเรื่องการเปิดเผยตัวในหน้าประวัติศาสตร์ไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปิดเผยตัวตนของกลุ่มชายรักชาย หรือที่เรียกว่า เกย์ ของสังคมไทยตั้งแต่ในอดีตด้วยการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า ในยุคแรก เกย์มีความพยายามเปิดเผยตัวตนเพื่อให้สังคมยอมรับความเป็นเกย์ด้วยการร่วมกลุ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางสังคม จนกระทั่งการปรากฏตัวของเกย์ตามสื่อต่าง ๆ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาสินค้า ข่าวสารตามหน้าหนังสือพิมพ์ ภาพยนตร์ หนังสือ วารสาร และสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้ การเปิดเผยตัวตนของเกย์ยังออกมาในรูปแบบกิจกรรมทางเพศ จนทำให้เกิด “ธุรกิจบันเทิงของชาวเกย์” ในสังคมไทยปัจจุบัน</p> กฤชทร ชัยวินิต ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-10-31 2025-10-31 15 3 97 108