https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JMSA_FMS_URU/issue/feed
วารสารวิทยาการจัดการและการบัญชี
2024-12-25T17:12:58+07:00
Dr.Thitiworada Sangsawang
fms.uru2018@gmail.com
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารวิทยาการจัดการและการบัญชี </strong></p> <p><strong>กำหนดออก</strong> : 2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์</strong> : <br /> วารสารมีนโยบายรับตีพิมพ์บทความเพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ผลงานวิจัยที่เป็นองค์ความรู้สำคัญในศาสตร์สาขาวิชาด้านการบริหารธุรกิจ การจัดการ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ คอมพิวเตอร์ธุรกิจและสารสนเทศ การตลาด การบัญชี เศรษฐศาสตร์ และนิเทศศาสตร์ นำไปสู่การประยุกต์ใช้ ต่อยอด และพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น สังคม</p> <p> เพื่อกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและความเข้มแข็งทางวิชาการให้กับ คณาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัยและนักศึกษา ตลอดจนผู้ที่สนใจ ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ประสบการณ์ในศาสตร์สาขาวิชาทางด้านวิทยาการจัดการ ก่อให้เกิดประโยชน์ คุณค่า สร้างการยอมรับในสังคม</p>
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JMSA_FMS_URU/article/view/4961
ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการออมของประชาชนในเขตตำบลพังโคน อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร
2024-07-23T14:34:49+07:00
สุมินทร เบ้าธรรม
sumintorn@hotmail.com
ดวงฤดี อู๋
sumintorn@hotmail.com
จิราภา ชาลาธราวัฒน์
sumintorn@hotmail.com
นัฐมน ดาบพิมพ์ศรี
sumintorn@hotmail.com
จิดาภา ธารดอนรัตน์
sumintorn@hotmail.com
<p> การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการออมของประชาชนในเขตตำบลพังโคน อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คนสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ อัตราส่วนความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยด้านภาระหนี้สิน และปัจจัยด้านการยอมรับความเสี่ยง มีอิทธิพลทางลบต่อพฤติกรรมการออม และปัจจัยด้านรายได้ ด้านรายจ่าย ด้านทัศนคติในการออม และด้านการตระหนักรู้ ในการออมไม่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการออม ข้อสนเทศที่ได้จากงานวิจัยเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจในการวางแผนการออมของประชาชน</p>
2024-12-25T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิทยาการจัดการและการบัญชี
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JMSA_FMS_URU/article/view/5513
ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตั้งใจซื้อซ้ำของธุรกิจ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอีฟซี่ มิกซ์ ออยล์
2024-09-17T14:42:44+07:00
ศุภรัตน์ ศรีสวัสดิ์
suparatss1991@gmail.com
พิมพ์แพร ศรีสวัสดิ์
pimprae.sri@sru.ac.th
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อีฟซี่ มิกซ์ ออยล์ 2) การตั้งใจซื้อซ้ำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อีฟซี่ มิกซ์ ออยล์ และ 3) ส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตั้งใจซื้อซ้ำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อีฟซี่ มิกซ์ ออยล์ เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรคือผู้บริโภคที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อีฟซี่ มิกซ์ ออยล์ กลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อีฟซี่ มิกซ์ ออยล์มากกว่า 1 ครั้ง ผ่านทางช่องทางออนไลน์และออฟไลน์จำนวน 323 คน สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็นแบบสะดวก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอีฟซี่ มิกซ์ ออยล์ ความคิดเห็นโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านกระบวนการ ด้านสถานที่และการขนส่ง ด้านบุคลากรและการบริการ ด้านราคา ด้านกายภาพ และด้านการส่งเสริมการตลาด 2) การตั้งใจซื้อซ้ำของผู้บริโภคความคิดเห็นโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการรับรู้คุณค่า ด้านการรับรู้ความเป็นธรรม ด้านความพึงพอใจของลูกค้า ด้านความจงรักภักดีของลูกค้า ด้านความพึงพอใจในแบรนด์ ด้านการรับรู้คุณภาพและบริการ และด้านต้นทุนการเปลี่ยนแปลงที่คาดหวัง ตามลำดับ และ 3) การวิเคราะห์การถดถอย ส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตั้งใจซื้อซ้ำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อีฟซี่ มิกซ์ ออยล์ มี 7 ด้าน ได้แก่ ด้าน ผลิตภัณฑ์ ด้านกระบวนการ ด้านสถานที่และการขนส่ง ด้านบุคลากรและการบริการ ด้านราคา ด้าน กายภาพ และด้านการส่งเสริมการตลาด มีอิทธิพล ร้อยละ 95.5 ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05</p>
2024-12-25T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิทยาการจัดการและการบัญชี
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JMSA_FMS_URU/article/view/5404
ลักษณะประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการเปิดรับชมละครโทรทัศน์เพศทางเลือกที่ส่งผลต่อทัศนคติและการยอมรับเพศทางเลือกของประชาชนทั่วไป ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
2024-09-04T14:47:49+07:00
อัญมณี ภักดีมวลชน
anyamanee_pak@cmru.ac.th
รติชา สุธรรมป๋า
Anyamanee_pak@cmru.ac.th
วราพจน์ จันมะโน
Anyamanee_pak@cmru.ac.th
<p> การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับสื่อละครโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับเพศทางเลือก 2) เพื่อศึกษาทัศนคติและการยอมรับเพศทางเลือก และ 3) เพื่อศึกษาถึงลักษณะประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการเปิดรับละครโทรทัศน์เพศทางเลือกที่ส่งผลต่อทัศนคติและการยอมรับเพศทางเลือกของประชาชนทั่วไป ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยใช้วิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research Method) ด้วยวิธีการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม (Questionnaire) สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage random Sampling) จำนวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Regression Analysis</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า 1) พฤติกรรมในการรับชมละครโทรทัศน์ของกลุ่มตัวอย่างที่เกี่ยวกับเพศทางเลือก โดยรับชมโทรทัศน์ตอนออกอากาศจริง ร้อยละ 46.80 ช่วงเวลาในการรับชมละครโทรทัศน์มากที่สุด ได้แก่ ช่วงเวลา 20.01-22.00 น. ร้อยละ 27.80 รับชมละครโทรทัศน์ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ร้อยละ 24.50 โดยมีความถี่ในการเปิดรับละครโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับเพศทางเลือก 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ร้อยละ 42.50 และเหตุผลในการเปิดรับละครเพศทางเลือก พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ให้การยอมรับในเรื่องของสิทธิและความเท่าเทียมทางเพศ ร้อยละ 27.30 2) ผลการวิเคราะห์ระดับทัศนคติและการยอมรับในเพศทางเลือกของกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วไปในจังหวัดเชียงใหม่ มีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.14, S.D.=0.50) และ 3) ปัจจัยความถี่ในการเปิดรับละครโทรทัศน์ ช่วงเวลาในการเปิดรับละครโทรทัศน์ เพศ ระยะเวลาในการเปิดรับละครโทรทัศน์ ระดับการศึกษา และรายได้ สามารถพยากรณ์ทัศนคติและการยอมรับเพศทางเลือกของประชาชนทั่วไป ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้ร้อยละ 34.30</p>
2024-12-25T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิทยาการจัดการและการบัญชี
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JMSA_FMS_URU/article/view/5923
ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าที่เลือกใช้บริการธุรกิจออนไลน์ จังหวัดอุตรดิตถ์
2024-10-21T11:14:58+07:00
วันธะนา สานุสิทธิ์
wanthana.san@uru.ac.th
ชนิกานต์ อัชวนันท์
wanthana.san@uru.ac.th
<p> งานวิจัยมีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษาความพึงพอใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความจงรักภักดีของลูกค้าธุรกิจออนไลน์ 2) ศึกษาอิทธิพลของความพึงพอใจ และความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อความจงรักภักดีของลูกค้าธุรกิจออนไลน์ 3) ศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความจงรักภักดีของลูกค้าธุรกิจออนไลน์จังหวัดอุตรดิตถ์ วิจัยเชิงปริมาณกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าออนไลน์จังหวัดอุตรดิตถ์ 400 คน เครื่องมือคือแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลสถิติพรรณนา ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอนุมานสมการโครงสร้างเทคนิค AMOS</p> <p> ผลการวิจัยผู้ตอบเป็นเพศหญิงอายุระหว่าง 51 – 60 ปี อาชีพข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ รายได้ต่อเดือนต่ำกว่าหรือเท่ากับ 10,000 ให้ความสำคัญกับความจงรักภักดีเป็นอันดับแรก รองลงมาคือความพึงพอใจและความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นอันดับสุดท้าย ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุด้วยสมการโครงสร้าง ความพึงพอใจของลูกค้า (SATIS) มีผลต่อความไว้เนื้อเชื่อใจ (TRUST) ค่าสัมประสิทธิ์ (อิทธิพล) เท่ากับ 0.876 ระดับนัยสำคัญ 0.001 สมมติฐานข้อที่ 1 (H1) เป็นจริง สนับสนุนทฤษฎีที่ทบทวนวรรณกรรม ความพึงพอใจของลูกค้า (SATIS) มีผลต่อความจงรักภักดี (LOYALTY) ค่าสัมประสิทธิ์ (อิทธิพล) เท่ากับ 0.659 ที่ระดับนัยสำคัญ 0.001 สมมติฐานข้อที่ 2 (H2) เป็นจริง สนับสนุนทฤษฎีที่ทบทวนวรรณกรรม ความไว้เนื้อเชื่อใจ (TRUST) มีผลต่อความจงรักภักดี (LOYALTY) ค่าสัมประสิทธิ์ (อิทธิพล) เท่ากับ 0.335 ระดับนัยสำคัญ 0.001 สมมติฐานข้อที่ 3 (H3) เป็นจริง สนับสนุนทฤษฎีที่ทบทวนวรรณกรรม</p>
2024-12-25T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิทยาการจัดการและการบัญชี
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JMSA_FMS_URU/article/view/5586
การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจำ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษล้านนาตะวันออก
2024-10-03T13:34:39+07:00
ประสิทธิชัย นรากรณ์
prasittichai@psru.ac.th
ธัมมะทินนา ศรีสุพรรณ
prasittichai@psru.ac.th
<p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจำของนักท่องเที่ยวที่เคยมาเที่ยวในเขตเศรษฐกิจพิเศษล้านนาตะวันออก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เคยมาเที่ยวในเขตเศรษฐกิจพิเศษล้านนาตะวันออก จำนวน 440 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ใช้แผนการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ โดยสกัดองค์ประกอบด้วยเทคนิคการวิเคราะห์องค์ประกอบหลักและหมุนแกนด้วยวิธีแวริแมกซ์ ผลการวิเคราะห์พบว่าประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจำของนักท่องเที่ยวมี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ การแสวงหาความสุข ความแปลกใหม่ วัฒนธรรมท้องถิ่น การเติมพลังให้ชีวิต การมีคุณค่ามีความหมาย และการมีส่วนร่วม</p>
2024-12-25T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารวิทยาการจัดการและการบัญชี