วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/UpLawJournal
<p><strong>วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา </strong></p> <p>วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา เริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2558 มีกำหนดการตีพิมพ์และเผยแพร่ ปีละ 2 ฉบับ ราย 6 เดือน ฉบับที่ 1 พฤศจิกายน - เมษายน และฉบับที่ 2 พฤษภาคม - ตุลาคม มีการตีพิมพ์ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี ระหว่าง 2558 – 2560 หลังจากนั้นหยุดไป 7 ปี กลับมาเริ่มตีพิมพ์อีกครั้งในปี 2567 โดยใช้ชื่อเดิมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Online) มีกำหนดการตีพิมพ์เผยแพร่ ปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม</p> <p><strong>ISSN: 2465-3993</strong></p> <p><strong>E-ISSN:</strong></p> <p><strong>กำหนดตีพิมพ์</strong></p> <p>2 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม </p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์</strong></p> <p>คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา จัดพิมพ์ “วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา” มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการด้านนิติศาสตร์หรือความรู้ที่เกี่ยวข้องกับทางนิติศาสตร์ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจทั้งแง่มุมทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ มุ่งมั่นที่จะขยายพรมแดนความรู้และเป็นพื้นที่นำเสนอผลงานทางวิชาการเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณะ</p>
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
th-TH
วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
2465-3993
-
กฎหมายควบคุมการเผาในที่โล่งของกลุ่มประเทศอาเซียน
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/UpLawJournal/article/view/8290
<p>ปัญหาหมอกควันจากการเผาในที่โล่ง โดยเฉพาะการเผาป่าและเศษวัสดุการเกษตรในประเทศสมาชิกอาเซียน ได้กลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพอนามัยอย่างกว้างขวาง บทความนี้มุ่งศึกษากฎหมายภายในของประเทศสมาชิกอาเซียนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเผาในที่โล่ง แต่ไม่รวมกฎหมายไทย เพื่อชี้ให้เห็นข้อดีและข้อด้อยของกฎหมายในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเด็นความเข้มงวดของมาตรการทางกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อเป็นแนวทางพัฒนากฎหมายไทย</p>
singhanat sangchaiya
Copyright (c) 2025 School of Law University of Phayao
2025-06-27
2025-06-27
4 1
35
72
-
หลักรากฐานแห่งสัญญาเปลี่ยนแปลงไปในทางแพ่ง: ศึกษาเปรียบเทียบ
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/UpLawJournal/article/view/8049
<p>บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ในการสร้างองค์ความรู้ทางวิชาการจากการศึกษาเปรียบเทียบการใช้และการตีความกฎหมายของประเทศไทย สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส และประเทศอังกฤษ กล่าวคือ ผู้จัดทำมีความมุ่งหมายในการสกัดแนวทางการใช้และการตีความกฎหมายแพ่งที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของการใช้และการตีความกฎหมายในแง่หน้าที่ของคู่สัญญาและผลของสัญญาในกรณีที่รากฐานแห่งสัญญาเปลี่ยนแปลงไปเนื่องมาจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดหมายได้ ผลการศึกษา พบว่า กฎหมายไทยปัจจุบันไม่มีบทบัญญัติเฉพาะสำหรับปรับใช้แก่กรณี และการปรับใช้ตามบทบัญญัติปัจจุบันย่อมก่อให้เกิดความไม่กินเกลียวกันในบางประการ ผู้เขียนจึงได้เสนอเพิ่มเติมบทบัญญัติกฎหมายโดยการนำหลักกฎหมายต่างประเทศที่ผู้เขียนได้นำมาศึกษาเปรียบเทียบซึ่งเป็นหลักกฎหมายที่ผู้เขียนเห็นว่าหากนำมาเพิ่มเติมในบทบัญญัติของไทยที่มีอยู่นั้นจะสอดคล้องกับบริบทสังคมไทย เพื่อประโยชน์และความเป็นธรรมแก่คู่สัญญา</p>
ณัฐวีร์ เนียมมี
Copyright (c) 2025 School of Law University of Phayao
2025-06-27
2025-06-27
4 1
1
34
-
การพัฒนาผู้เรียนโดยการจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ผ่านการเรียนการสอนในรายวิชาคลินิกสอนเผยแพร่กฎหมายในชุมชน
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/UpLawJournal/article/view/8128
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. วิเคราะห์ว่าการจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง สามารถส่งเสริมให้นิสิตนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กฎหมายในบริบทของสังคมอย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม 2. วิเคราะห์ว่าการจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง สามารถพัฒนาทักษะทางวิชาชีพกฎหมายของนิสิตได้ 3. วิเคราะห์ว่าการจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง สามารถเสริมสร้างเจตคติที่ดีของนิสิตต่อการเห็นคุณค่าของการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ของสังคมได้</p> <p>งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนาจากหนังสือ รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ เว็บไซต์ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ รวมถึงบันทึกสะท้อนความคิดซึ่งเป็นงานที่มอบหมายให้นิสิตเขียนและส่งเพื่อให้นิสิตประเมินตนเองและผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้และพัฒนาการของนิสิต</p> <p>จากการศึกษาพบว่า 1. การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงสามารถส่งเสริมให้นิสิตนำความรู้ด้านกฎหมายและการจัดทำแผนการสอนสำหรับการสอนเผยแพร่กฎหมายในชุมชนที่ได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้กฎหมายได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม 2. การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้นิสิตได้พัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาทางกฎหมาย รวมถึงสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการประยุกต์ใช้เครื่องมือสำหรับการสอนกฎหมายแบบผู้เรียนมีส่วนร่วมในการถ่ายทอดเนื้อหาให้เหมาะสม 3. การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง สามารถเสริมสร้างเจตคติที่ดีของนิสิตต่อการเห็นคุณค่าของการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ของสังคมได้ เพราะนิสิตตระหนักถึงบทบาทของตนเองในฐานะนักกฎหมายเพื่อสังคม ด้วยการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายให้มีประสิทธิภาพอย่างมีความรับผิดชอบต่อสาธารณชน</p>
ปิยอร เปลี่ยนผดุง
Copyright (c) 2025 School of Law University of Phayao
2025-06-27
2025-06-27
4 1
85
103
-
ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2558: ศึกษากรณีสัญญาเช่าหอพักเอกชน
https://so07.tci-thaijo.org/index.php/UpLawJournal/article/view/8213
<p>วิจัยเรื่องนี้เป็นงานวิจัยทางกฎหมายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2558 ศึกษากรณีสัญญาเช่าหอพักเอกชน ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวเป็นกฎหมายฉบับสำคัญในการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชนที่อยู่ระหว่างการศึกษาและอาศัยในหอพักให้ได้รับการดูแลและมีสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยอย่างเหมาะสม <br />การปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวต้องอาศัยการร่วมมือของหลายหน่วยงาน</p> <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาสัญญาเช่าหอพักตามพระราชบัญญัติหอพัก 2558 ศึกษาในกรณีของหอพักเอกชนหน้ามหาวิทยาลัยพะเยา ศึกษาถึงลักษณะของการทำสัญญาหอพักว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่รวมไปถึงการกำหนดเนื้อหาในสัญญาเช่าหอพัก เพื่อหาแนวทางแก้ไขและให้ผู้ประกอบกิจการหอพักหน้ามหาวิทยาลัยสามารถดำเนินการตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2558 ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อเป็นการคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้อย่างแท้จริง และป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบกิจการหอพักได้รับความเสียหายและได้รับโทษตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดไว้อีกด้วย</p> <p>ผลการศึกษาพบปัญหาในเรื่องดังต่อไปนี้ 1.ปัญหาเรื่องการจดทะเบียนหอพัก ในปัจจุบันพบว่าหอพักหลายแห่งในหน้ามหาวิทยาลัยพะเยาไม่มีการจดทะเบียนหอพักตามพระราชบัญญัติหอพัก 2558 ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผู้ประกอบการไม่ทราบหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2558 หรือจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ 2. ปัญหาเกี่ยวกับการทำสัญญาเป็นหนังสือ ซึ่งการทำสัญญาเช่าหอพักเอกชนกฎหมายตาม พระราชบัญญัติหอพัก 2558 กำหนดให้การทำสัญญาเช่าหอพักในปัจจุบันจะต้องมีการทำหนังสือ แต่ยังปรากฎว่าผู้ประกอบกิจการหอพักหลายๆแห่งหน้ามหาวิทยาลัยพะเยา หลาย ๆ หอพักยังไม่มีการทำเป็นหนังสือ 3. ตามพระราชบัญญัติหอพักกำหนดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับนิสิตผู้พัก เช่น ต้องมีที่สำหรับรับประทานอาหาร สถานที่สำหรับรับรองแขกผู้มาเยี่ยมเยือน แต่ปรากฎว่าหอพักส่วนใหญ่ไม่ได้มีการดำเนินการเพื่อให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าว มีแค่ในส่วนของห้องพักและที่ติดต่อเจ้าของหอพักหรือผู้จัดการหอพักเท่านั้น 4. ปัญหาเกี่ยวกับการแบ่งประเภทหอพัก พบว่ากฎหมายกำหนดให้แบ่งประเภทหอพักออกเป็น <br />2 ประเภท คือ หอพักชายและหอพักหญิง แต่ในทางปฏิบัติพบว่าไม่ได้มีการแยกหอพักชายและหอพักหญิงอย่างชัดเจน มีการพักรวมกันระหว่างชายและหญิง</p> <p> ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า เห็นควรมีการแก้ไขและข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1. หน่วยงานทางภาครัฐที่เกี่ยวข้องหรือคณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพัก ควรมีการส่งเสริมสิทธิประโยชน์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับหอพักที่มีการจดทะเบียน นอกจากหอพักเอกชนที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณจากคณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพักแล้ว หอพักอื่น ๆ ที่ได้มีการจดทะเบียนก็ควรมีการส่งเสริมด้วย โดยอาจกำหนดให้ได้รับสิทธิประโยชน์ในด้านภาษีอากร การสนับสนุนด้านการเงิน วัสดุ หรืออุปกรณ์ เนื่องจากการจะดำเนินการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ต้องมีค่าใช้จ่ายพอสมควรและเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติอยู่ภายใต้มาตรฐานของพระราชบัญญัติเพิ่มเติมจำนวนหนึ่ง หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมหรือสนับสนุนสิทธิประโยชน์และสิ่งอำนวยความสะดวกก็จะเพิ่มโอกาสให้หอพักต่างจดทะเบียนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลต้องเข้าไปตรวจสอบ และกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดแก่หอพักที่ไม่ดำเนินการหรือตั้งใจหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย 2. เสนอให้มีการจัดตั้งชมรมผู้ประกอบการกิจการหอพักหน้ามหาวิทยาลัย โดยอาจข้อความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นที่ปรึกษาชมรมและให้ความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัย เพื่อให้ความรู้และช่วยเหลือในการดำเนินการทำสัญญาที่ถูกต้องและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด 3. การจัดสิ่งอำนวยความสะดวก เห็นควรให้หน่วยงานเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการให้มีการเพิ่มเติมหรือแก้ไขในกรณีที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานและกำหนดบทลงโทษแก่เจ้าของหอพักที่ไม่จัดสิ่งอำนวยความสะดวกตามที่กฎหมายกำหนด 4. ปัญหาเรื่องการแบ่งประเภทหอพัก เห็นสมควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2558 ในการลงโทษเจ้าของหอพัก และ<br />ควรกำหนดให้หน่วยงานของรัฐเข้าไปตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ</p> <p><strong>คำสำคัญ</strong> : พระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. 2558, หอพักเอกชน </p>
Worraluck Muangchoo
Copyright (c) 2025 School of Law University of Phayao
2025-06-27
2025-06-27
4 1
73
84