https://so07.tci-thaijo.org/index.php/jmsc_journal/issue/feed วารสารวิทยาการจัดการและการสื่อสาร 2023-12-26T16:44:29+07:00 Dr. Anyamanee Pakdeemualchon [email protected] Open Journal Systems <p>วารสารวิทยาการจัดการและการสื่อสาร ดำเนินการเพื่อเผยแพร่บทความวิจัย (Research Article) และบทความวิชาการ (Academic Article) ที่มีคุณภาพ ซึ่งผ่านการพิจารณากลั่นกรองคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นสนับสนุนให้อาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย และผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาทางด้านสังคมศาสตร์ นำเสนอผลงานวิชาการในสาขาวิชาบริหารธุรกิจ การจัดการ การบัญชีและการเงิน การจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม เศรษฐศาสตร์ และนิเทศศาสตร์</p> <p>ISSN 2821-9821 (Print)</p> <p>ISSN 2821-9562 (Online)</p> <p> </p> https://so07.tci-thaijo.org/index.php/jmsc_journal/article/view/3723 สาเหตุและผลกระทบจากการเติบโตของเงินหยวน 2023-10-26T13:44:24+07:00 เจษฎา เพชรเฟื้องฟ้า [email protected] คมศิษฎ ชติกศุภเศรณ [email protected] ปฏิพงศ์พล อ้นสุวรรณ [email protected] แทนคุณ ศิวพรประทาน [email protected] ภูมิพิสิฏฐ์ ฟ้าสว่าง [email protected] คมกริช โสภาเนตร [email protected] วาสนา ศิลาเกษ [email protected] <p><span class="fontstyle0">บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุและผลกระทบที่เกิดจาก<br />การเติบโตของเงินหยวนในอนาคต หากเงินหยวนเข้ามามีอิทธิพลในการเป็นสกุลเงินหลักของตลาดโลก โดยผลจากการศึกษาข้อมูลพบสาเหตุที่ส่งผลให้เงินหยวนเติบโตขึ้น โดยมีสาเหตุหลักจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามีความผันผวนสูง เนื่องจากการล้มละลายของธนาคารที่สหรัฐอเมริกาวิกฤตเงินเฟ้อ และพลังงานซึ่งส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศการรวมตัวกันของประเทศต่าง ๆ ในนาม<br />BRICS ที่ใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมเป็นส่วนใหญ่และในอนาคตคาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกมาก หรือการใช้มาตรการการคว่ำบาตรรัสเซียของประเทศฝั่งตะวันตก เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน สุดท้ายคือการผลักดันการใช้เงินหยวนเป็นสกุลเงินกลางเพื่อแลกเปลี่ยนการค้าขายภายในเอเชีย เพราะการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนเติบโต และมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมาผลที่เกิดขึ้นจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของสกุลเงินหยวนมีทั้งด้านบวกและด้านลบ ในด้านบวกคือ การเติบโตของสกุลเงินหยวน อาจทำให้ประเทศจีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจ<br />แทนประเทศสหรัฐอเมริกา และเข้ามามีอิทธิพลในตลาดโลกมากขึ้น ในด้านลบคือ การส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจจริงของประเทศจีนโดยตรง และประเทศต่าง ๆ ในโลกที่ยังถือครองเงินสกุลดอลลาร์<br style="font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: normal; letter-spacing: normal; line-height: normal; orphans: 2; text-align: -webkit-auto; text-indent: 0px; text-transform: none; white-space: normal; widows: 2; word-spacing: 0px; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px;" /></span> </p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ https://so07.tci-thaijo.org/index.php/jmsc_journal/article/view/3468 A Management in a New Era with a Pure Mind 2023-09-28T08:14:45+07:00 Sirikiat Ratchusanti [email protected] Phathranit Kitthitinan [email protected] Kusuma Seedapeng [email protected] Jermkhuan Ratchusanti [email protected] Panida Sattayopat [email protected] Mathana Inchai [email protected] Sudarat Saengkeaw [email protected] Siroch Tanratanakul [email protected] Suphanit Chansong [email protected] <p>This article focuses on studying documents, textbooks, and related research compiled into academic articles. The objective is to introduce the concepts of corporate governance and corporate social responsibility based on business ethics to transform traditional management into modern management. The study found that current and future business management must focus on corporate governance, which is transparent, fair, verifiable, and for the benefit of society. Business management is not just a matter of law enforcement. Nevertheless, it must focus on corporate social responsibility. Therefore, this will increase sales and market share, strengthen brand positioning, enhance corporate image and capability, increase the ability to attract, motivate, and retain personnel, reduce operating costs, and build confidence with investors. As a result, it leads to the sustainable success of the business.</p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ https://so07.tci-thaijo.org/index.php/jmsc_journal/article/view/2783 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกรับวัฒนธรรม K-Pop ของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 2023-05-01T14:21:23+07:00 ชุติกาญจน์ ยี่เมา [email protected] ชมพูนุท วุฒิมา [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับวัฒนธรรม K-Pop ของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 2) เพื่อศึกษาการตัดสินใจเลือกรับวัฒนธรรม K-Pop ของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 3) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบลักษณะทางประชากรศาสตร์ กับพฤติกรรมการเปิดรับวัฒนธรรม K-Pop ของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และ 4) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกรับวัฒนธรรม K-Pop ของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) เก็บแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้วิจัยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage sampling) จำนวน 400 คน</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการความถี่ในการเปิดรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ K-Pop 1-3 วัน/สัปดาห์ ร้อยละ 55.80 มีจำนวนชั่วโมงในการติดตามข้อมูลข่าวสารของ K-Pop ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 47.00 ใช้ช่องทางเฟซบุ๊กในการติดตามข้อมูลข่าวสาร K-Pop ร้อยละ 52.80 และติดตามข้อมูลข่าวสาร K-Pop ผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ร้อยละ 64.50 2) ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการตัดสินใจเลือกรับวัฒนธรรม K-Pop ของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.28, S.D.=0.60) 3) ลักษณะประชากรศาสตร์ของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานแตกต่างกัน มีพฤติกรรมการเปิดรับข้อมูลข่าวสาร K-Pop แตกต่างกัน และ 4) รายได้ เพศ อายุ ความพึงพอใจในการติดตามข้อมูลข่าวสาร K-Pop ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกรับวัฒนธรรม K-Pop ร้อยละ 14.70</p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ https://so07.tci-thaijo.org/index.php/jmsc_journal/article/view/1876 การยกระดับผลผลิตท้องถิ่นของกลุ่มผู้ผลิตสินค้าการเกษตรในตำบลสันทรายมหาวงศ์ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ 2022-10-10T20:57:06+07:00 ไพรพันธ์ ธนเลิศโศภิต [email protected] <p style="font-weight: 400;">ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเพื่อยกระดับสมุนไพรท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงเกษตร กรณีศึกษาตำบลสันทรายมหาวงศ์ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ใช้การวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของชุมชน ที่มีความต้องการที่จะพัฒนาสัมมาชีพและสร้างอาชีพใหม่ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีอยู่เดิม เพื่อหนุนเสริมอาชีพใหม่และเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัย เป็นที่ยอมรับ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ผู้วิจัยได้ทำการลงพื้นที่เพื่อศึกษาบริบทต่าง ๆ เพื่อศึกษาสภาพแวดล้อมในปัจจุบันและสภาพแวดล้อมในอนาคตที่ชุมชนคาดหวัง จึงได้นำเครื่องมือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพปัจจุบัน จากนั้นจึงจัดประชุมร่วมกับประชาชนและและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ได้จัดอบรมให้ความรู้ทางด้านการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยได้ดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมจำนวน 1 ชนิด คือ ชาผักเชียงดา และดำเนินการให้มีการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ จำนวน 1 ชนิด คือ สบู่ล้างมือสมุนไพร เนื่องจากประชาชนในตำบลสันทรายมหาวงศ์ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรและนิยมเพาะปลูกพืชสมุนไพรเป็นจำนวนมาก ทำให้เห็นว่าสมุนไพรที่มีในชุมชนเหล่านี้จะสามารถสร้างรายได้และเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพให้กับประชาชนในตำบล โดยงานวิจัยนี้สามารถทำให้ท้องถิ่นมีศูนย์การเรียนรู้หรือแหล่งเรียนรู้ชุมชน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และจัดเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยดึงเอาจุดเด่นของพื้นที่ที่เน้นการทำเกษตรผสมผสานเป็นจุดที่สามารถสร้างมูลค่าของสินค้าและบริการในชุมชน ซึ่งช่วยให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและนำไปสู่ชุมชนที่เข้มแข็ง และส่งเสริมให้คนในชุมชนลดรายจ่ายด้วยการปลูกพืชผักตามฤดูกาลไว้รับประทานภายในครัวเรือน</p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ https://so07.tci-thaijo.org/index.php/jmsc_journal/article/view/2487 แนวทางการพัฒนา บริษัท TKN จำกัด เข้าสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว 2023-05-09T16:24:04+07:00 ณฐาพัชร์ วรพงศ์พัชร์ [email protected] อภิรดี โนนนอก [email protected] <p>งานวิจัยเชิงคุณภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาบริษัทให้ได้มาตรฐาน อุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 โดยวิธีการวิเคราะห์หาช่องว่าง การนำเกณฑ์กำหนดของ อุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 ตามข้อกำหนดของกระทรวงอุตสาหกรรม มาเปรียบเทียบกับการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมสีเขียวของบริษัทที่ได้ดำเนินการสำเร็จในปัจจุบัน เพื่อวิเคราะห์หาช่องว่างที่ เกิดขึ้น และนำเสนอแนะแนวทางในการปรับปรุงแก้ไข ซึ่งการศึกษาจะทำการเก็บข้อมูล การทบทวน เอกสาร การสังเกตการณ์และการสัมภาษณ์สำหรับผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วย ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของบริษัท จำนวน 20 คน ในการวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์บริบทองค์กร โดยการใช้ SWOT เพื่อการผลักดันบริษัทให้ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามเกณฑ์กำหนดอย่างดี ในกระบวนการสร้างวัฒนธรรมองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม การเคารพต่อหลักนิติธรรม และการปฏิบัติตามแนวทางสากล องค์กรมีจุดอ่อนที่ไม่สามารถผลักดันโครงการอุตสาหกรรมสีเขียวได้สำเร็จ คือ ด้านปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต โอกาสที่พบ คือ หน่วยงานภาครัฐเข้ามาสนับสนุน เพื่อแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนใน ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม</p> 2023-12-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2023 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่