มาตรฐาน RSPO กับการยกระดับเกษตรกรรมปาล์มน้ำมัน การปรับตัวสู่ความยั่งยืนของเกษตรกรปาล์มน้ำมันในประเทศไทย

Main Article Content

สรศักดิ์ เดือนเพ็ง
โชติ บดีรัฐ

บทคัดย่อ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน (มาตรฐานRSPO  Roundtable on Sustainable Palm Oil) ในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรรมปาล์มน้ำมัน
ของประเทศไทยให้เข้าสู่แนวทางความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ โดยมาตรฐาน RSPO เป็นกรอบแนวทางสำคัญ
ในการยกระดับเกษตรกรรมปาล์มน้ำมันสู่ความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งครอบคลุม 3 มิติสำคัญ ประกอบด้วย สภาพแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตปาล์มน้ำมัน ตั้งแต่การเพาะปลูก
การจัดการแรงงาน จนถึงการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยแนวทางตาม RSPO มุ่งลดผลกระทบด้านลบจากกิจกรรมทางการเกษตร เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการใช้สารเคมีอันตราย รวมถึงการส่งเสริมสวัสดิภาพแรงงาน การมีส่วนร่วมของชุมชน และการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งผลการศึกษาชี้ว่า การรวมกลุ่มของเกษตรกร เช่น สหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชน เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติตามมาตรฐาน RSPO โดยช่วยสนับสนุนการลดต้นทุน เพิ่มอำนาจการต่อรองทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน แม้เกษตรกรจะเผชิญกับอุปสรรค เช่น ต้นทุนการขอรับรองที่สูง การเข้าถึงตลาดที่จำกัด และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ RSPO ที่ยังไม่ทั่วถึงในบางพื้นที่ ซึ่งจากข้อมูลการขอรับรองมาตรฐาน RSPO ของเกษตรกรปาล์มน้ำมันในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีแนวโน้มที่สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวเชิงบวกของเกษตรกรระดับฐานราก ส่งผลต่อการพัฒนาอย่างสมดุลทั้งในระดับชุมชนและอุตสาหกรรม มาตรฐาน RSPO ได้กลายเป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนภาคเกษตรกรรมปาล์มน้ำมันของไทยไปสู่ความยั่งยืนในระยะยาว

Article Details

How to Cite
เดือนเพ็ง ส. ., & บดีรัฐ โ. . (2025). มาตรฐาน RSPO กับการยกระดับเกษตรกรรมปาล์มน้ำมัน การปรับตัวสู่ความยั่งยืนของเกษตรกรปาล์มน้ำมันในประเทศไทย. วารสารสังคมพัฒนศาสตร์, 8(5), 61–72. สืบค้น จาก https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JSSD/article/view/7914
บท
บทความวิชาการ

References

นรินทร์ สวัสดิจันทร์ และสอาด บรรเจิดฤทธิ์. (2565). ปัจจัยในการพัฒนาที่ส่งผลต่อความยั่งยืนของเกษตรกร ผู้ปลูกปาล์มในเขตพื้นที่ภาคกลางตอนล่างของประเทศไทย. วารสารรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 5(1), 12-24.

บริษัท เจพัส อินเตอร์คอสเมติกส์ จำกัด. (2567). มาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน (RSPO) คืออะไร การปลูกปาล์มอย่างยั่งยืนกับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง. เรียกใช้เมื่อ 23 มีนาคม 2568 จาก https://www.jurness.com/content/14798

บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน). (2568). แบบฟอร์ม 56-1 One Report ปี 2567. เรียกใช้เมื่อ 17 พฤษภาคม 2568 จาก https://hub.optiwise.io/th/documents/155756/flipbook

บริษัท อีควอล แอสชัวร์แรนซ์ จำกัด. (2567). RSPO สำหรับอุตสาหกรรมผู้ผลิตอาหาร. เรียกใช้เมื่อ 23 มีนาคม 2568 จาก https://eqathaitraining.com/archives/988

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า. (2567). RSPO มาตรฐานปาล์มยั่งยืน ทางเลือกเพื่อเพิ่มมูลค่า และทางรอดสู่ความยั่งยืน. เรียกใช้เมื่อ 25 มีนาคม 2568 จาก https://tpso.go.th/news/2407-0000000003

สำนักนายกรัฐมนตรี. (2551). ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ พ.ศ. 2551. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 125 ตอนพิเศษ 107 ง หน้า 1-3 (26 มิถุนายน 2551).

สิริสุดา หนูทิมทอง และคณะ. (2563). การผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน (RSPO). วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร สำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา, 4(2), 1-14.

องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทย. (2563). ข้อมูลประกอบหลักสูตรพัฒนาเกษตรกรรายย่อยของไทยในการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน. เรียกใช้เมื่อ 25 มีนาคม 2568 จาก https://www.thai-german-cooperation.info/wp-content/uploads/2021/09/TOPSA_Final21_12_2020.pdf

องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อปาล์มน้ำมันยั่งยืน. (2567). การแก้ไขมาตรฐานปี 2022-2024. เรียกใช้เมื่อ 25 มีนาคม 2568 จาก https://rspo.org/th/as-an-organisation/our- standards/standards-revision-2022-2024/

__________. (2567). รู้จักเราขับรถเปลี่ยน ด้วยน้ำมันปาล์ม ยั่งยืน. เรียกใช้เมื่อ 25 มีนาคม 2568 จาก https://rspo.org/th/who-we-are/

Miller, D., & Grant, S. (2020). Effective soil and water resource management for sustainable agriculture Strategies for various crops including oil palm. Environmental Science Journal, 18(2), 78-94.