อิทธิพลของการสื่อสารดิจิทัลภายในองค์กรที่มีต่อการเสริมสร้างพลังขับเคลื่อนในการทำงานของพนักงานเจเนอเรชัน Y และ Z

Main Article Content

ชลธาน เจริญชัยยา
ณัฏฐ์ชุดา วิจิตรจามรี

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่องอิทธิพลของการสื่อสารดิจิทัลภายในองค์กรที่มีต่อการเสริมสร้างพลังขับเคลื่อนในการทำงานของพนักงานเจเนอเรชัน Y และ Z มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการสื่อสารดิจิทัลภายในองค์กรว่ามีผลต่อความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงาน ความผูกพันต่อการทำงาน และความหลงใหลในการทำงานของเจเนอเรชัน Y และ Z ในด้านความแตกต่างตามเจเนอเรชันและปัจจัยส่วนบุคคล การวิจัยใช้ระเบียบวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานเจเนอเรชัน Y (เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523 ถึง 2540) และ Z (เกิดระหว่างปี พ.ศ.2541 ถึง 2552) จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามออนไลน์ ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ T-Test การวิเคราะห์ One-way ANOVA และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า เพศและเจเนอเรชันไม่ส่งผลต่อการสื่อสารดิจิทัลภายในองค์กร แต่การศึกษา สายงาน และประสบการณ์การทำงานส่งผลต่อการสื่อสารดิจิทัลภายในองค์กร ทั้งนี้การสื่อสารดิจิทัลภายในองค์กรมีอิทธิพลร่วมต่อความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงาน ความผูกพันต่อการทำงาน และ ความหลงใหลในการทำงาน มีอีเมลเป็นช่องทางการสื่อสารที่ได้รับความนิยมสูงสุด และแอปพลิเคชันไลน์รองลงมา ซึ่งการสื่อสารแนวดิ่งมีอิทธิพลเชิงลบต่อความพึงพอใจต่อการทำงาน ความผูกพันต่อการทำงาน และ ความหลงใหลในการทำงาน ส่วนการสื่อสารแนวนอนมีอิทธิพลเชิงลบต่อความหลงใหลในการทำงานเพียงตัวเดียว โดยข้อค้นพบนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกช่องทางและรูปแบบการสื่อสารภายในองค์กรให้เหมาะสมกับลักษณะของพนักงาน

Article Details

How to Cite
เจริญชัยยา ช. ., & วิจิตรจามรี ณ. . (2025). อิทธิพลของการสื่อสารดิจิทัลภายในองค์กรที่มีต่อการเสริมสร้างพลังขับเคลื่อนในการทำงานของพนักงานเจเนอเรชัน Y และ Z. วารสารสังคมพัฒนศาสตร์, 8(5), 365–376. สืบค้น จาก https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JSSD/article/view/7953
บท
บทความวิจัย

References

กัญญารัตน์ พัฒนประสิทธิ์ชัย และคณะ. (2565). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการทำงานของกลุ่ม Generation Y ที่เป็นเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยของรัฐในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 12(2), 143-157.

พัชสิรี ชมภูคำ และณัฐธิดา จักรภีร์ศิริสุข. (2563). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจและแรงจูงใจในการทำงาน: กรณีศึกษาเปรียบเทียบคนเจเนอเรชัน Y และเจเนอเรชัน Z ในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารจุฬาลงกรณ์ ธุรกิจปริทัศน์, 42(3), 1-18.

พิริยากร ดอนนอก. (2566). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจต่องานต่อองค์กรและความตั้งใจในการทำงานต่อของ พนักงาน Generation Y และ Z. ใน สารนิพนธ์การจัดการมหาบัณฑิต สาขาทุนมนุษย์และการจัดการองค์กร. วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล.

วิโรจน์ ทองชูใจ. (2563). การสื่อสารของผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดในเครือข่ายสังคมออนไลน์และพฤติกรรมการเปิดรับสื่อสังคมออนไลน์ที่มีความสัมพันธ์ต่อการตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคกลุ่มเจเนอเรชั่นซีในเขตกรุงเทพมหานคร. ใน สารนิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการ. คณะบริหารธุรกิจเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

ศรีสุนันท์ อนุจรพันธ์ และกิตติพันธ์ คงสวัสดิ์เกียรติ. (2556). พฤติกรรมด้านการสื่อสารภายในองค์กรที่มีผลต่อความพึงพอใจของพนักงานซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาองค์กร กรณีศึกษา “บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน)”. วารสารการเงิน การลงทุน การตลาด และการบริหารธุรกิจ, 1(2), 147-161.

สัญชาติ พรมดง และคณะ. (2561). การสร้างประสิทธิภาพของการสื่อสารภายในองค์กรเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ. วารสารเครือข่ายส่งเสริมการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 1(1), 50-59.

สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้. (2559). คนรุ่นใหม่คือพลังแห่งอนาคต. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: โคคูน แอนด์ โค จำกัด.

เสนาะ ติเยาว์. (2541). การสื่อสารในองค์กร. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพมหานคร: คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

Cochran, W. G. (1953). Sampling techniques. New York: John Wiley.

Cronbach, L. J. (1990). Essentials of Psychological Testing. (5th ed.). New York: Harper Collins Publishers.

Schaufeli, W. B. et al. (2002). The measurement of engagement and burnout: A two sample confirmatory factor analytic approach. Journal of Happiness Studies: An Interdisciplinary Forum on Subjective Well-Being, 3(1), 71-92.