การวิเคราะห์อิทธิพลของการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการทำนายภาวะกลัวการตกกระแส (FOMO) ของวัยรุ่นในอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

Main Article Content

พิษนุ อภิสมาจารโยธิน

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยด้านประชากร การเสพติดสื่อสังคมออนไลน์ และภาวะกลัวการตกกระแส (FOMO) ของวัยรุ่นในอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยดังกล่าว และ 3) วิเคราะห์อิทธิพลของการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์ในการทำนายภาวะ FOMO โดยกลุ่มตัวอย่างคือวัยรุ่นจำนวน 400 คน ที่ได้จากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน ใช้แบบสอบถามมาตรประมาณค่า 5 ระดับ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ค่าสหสัมพันธ์เพียร์สัน และการถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 48.0) อายุระหว่าง 20 - 22 ปี (ร้อยละ 78.8) ใช้สื่อสังคมออนไลน์เฉลี่ย 4 - 6 ชั่วโมงต่อวัน (ร้อยละ 39.3) และ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่นิยมใช้มากที่สุด (ร้อยละ 47.3) ระดับการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นอยู่ในระดับปานกลาง (ค่าเฉลี่ย 3.02, S.D. = 0.66) ในขณะที่ภาวะ FOMO อยู่ในระดับน้อย (ค่าเฉลี่ย 2.50, S.D. = 0.74) แสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นแม้จะใช้เวลาอยู่บนสื่อสังคมออนไลน์ในระดับค่อนข้างสูง แต่ความรู้สึกกลัวการตกกระแสกลับไม่ปรากฏในระดับรุนแรง 2) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์พบว่า ปัจจัยด้านประชากร เช่น เพศและอายุ ไม่มีความสัมพันธ์กับภาวะ FOMO และการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับ FOMO (r = 0.529, p<0.001) และ 3) การเสพติดสื่อสังคมออนไลน์ยังสามารถทำนายภาวะ FOMO ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (β=0.53, F = 154.46, R = 0.91, R² = 0.82) โดยอธิบายความแปรปรวนของภาวะ FOMO ได้ถึงร้อยละ 82.00 ผลลัพธ์ดังกล่าวเน้นย้ำความจำเป็นในการส่งเสริมให้วัยรุ่นใช้สื่อออนไลน์อย่างมีสติ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดการเสพติดสื่อและลดความกังวลจากการกลัวตกกระแสในกลุ่มเยาวชนได้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อภิสมาจารโยธิน พ. . (2025). การวิเคราะห์อิทธิพลของการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการทำนายภาวะกลัวการตกกระแส (FOMO) ของวัยรุ่นในอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก. วารสารสังคมพัฒนศาสตร์, 8(12), 128–141. สืบค้น จาก https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JSSD/article/view/9477
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมสุขภาพจิต. (2562). ใครอยู่ในภาวะ FOMO บ้างยกมือขึ้น. เรียกใช้เมื่อ 24 ธันวาคม 2567 จาก https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=29903

ครองรัตน์ ดุลลาพันธ์. (2561). พฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์และปัจจัยทางจิตที่พยากรณ์ภาวะภาวะซึมเศร้า. ใน วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์และนวัตกรรม. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.

จันทมา ช่างสลัก. (2566). นักจิตวิทยาเตือน! เตรียมรับ 4 ปัจจัยเสี่ยงสุขภาพจิต ในโลกดิจิทัล. เรียกใช้เมื่อ 25 ธันวาคม 2567 จาก https://www.istrong.co/single-post/4-risk-factors-in-the-digitalworld

จิราภรณ์ อรุณากูร. (2559). FOMO (Fear of Missing Out): ก็ฉันกลัวตกกระแส. เรียกใช้เมื่อ 31 ธันวาคม 2567 จาก https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/gallery/fomo-fear-of-missing-out-ก็ฉันกลัวตกกระแส/#:~:text=อาการ%20FOMO%20หรือ%20Fear%20of,เกิดอาการเครียดขึ้นมา

ประอรพิต กัษฐวัฒนา. (2562). เจาะเรื่องจริง ‘ภัยสุขภาพจิตบนโลกออนไลน์’ จาก ‘ภาวะกลัวการตกกระแส FOMO’ ถึงด้านสว่าง JOMO ความตื่นรู้จากการเสพติดสื่อสังคมออนไลน์. เรียกใช้เมื่อ 17 ธันวาคม 2567 จาก https://www.salika.co/2019/10/26/from-fomo-to-jomo-mental-health/

ปริยานุช วุฒิชูประดิษฐ์ และภัทร ชูประดิษฐ์. (2565). อิทธิพลของการติดสื่อสังคมออนไลน์ต่อภาวะสุขภาพจิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยในประเทศไทย. วารสารสุทธิปริทัศน์, 36(3), 188-207.

พิษนุ อภิสมาจารโยธิน. (2562). ชีวสถิติเชิงพรรณนาและเชิงอนุมานเบื้องต้นสำหรับการวิจัย. กรุงเทพมหานคร: ทริปเพิ้ล เอ็ดดูเคชั่น.

__________. (2566). การพัฒนาการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลังด้านโดยใช้แนวทางสเต็มศึกษาและการใช้ปัญหาเป็นฐานสำหรับวิชาประชากรและการอนามัยเจริญพันธุ์. วารสารสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยทักษิณ, 12(1), 17-31.

__________. (2568). การสร้างเสริมสมรรถนะของครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาคุณธรรมเชิงพฤติกรรมของวัยรุ่นใน สังคมยุคดิจิทัล: กรณีศึกษาใน 17 จังหวัดภาคเหนือ. วารสารศรีปทุมปริทัศน์ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 25(1), 59-75.

เรือนรสสุคนธ์ จันทร์เจริญ และพิษนุ อภิสมาจารโยธิน. (2561). ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้สื่อสังคมออนไลน์และภาวะการกลัวการตกกระแสของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก. วารสารการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์กร, 10(1), 69-94.

โรงพยาบาลเพชรเวช. (2564). Social Addiction ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ. เรียกใช้เมื่อ 1 ธันวาคม 2567 จาก https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/Social-Addiction-Affect s-Mental-Health

วิภาวี เธียรลีลา. (2564). FoMO : สภาวะจิตตกในโลกยุคใหม่ ความกลัวการไม่ยอมรับจากคนที่แทบไม่รู้ตัวตน. เรียกใช้เมื่อ 1 ธันวาคม 2567 จาก https://thepotential.org/knowledge/fomofear-of-missing-out/

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก. (2566). รายงานสถิติด้านประชากรและสุขภาพประจำปี พ.ศ. 2566. พิษณุโลก: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก.

อัจศรา ประเสริฐสินและผกาวรรณ นันทะเสน. (2565). พฤติกรรมการติดอินเทอร์เน็ต ภาวะซึมเศร้าและแนวทางการส่งเสริมการรู้ดิจิทัล เพื่อลดพฤติกรรมการติดอินเทอร์เน็ต และป้องกันการเกิดภาวะซึมเศร้าของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, 36(1), 49-67.

Mohammed, H. A. (2025). The fear of missing out and social media addiction. A cross-sectional and quasi-experimental approach. Heliyon, 11(3), e41958. https://doi.org/10.1016/j.heliyon. 2025.e41958.

Aphisamacharayothin, P. (2020). PRECEDE Framework Analysis of the Factors Influencing to Life Management of Youth Females, Teen Moms, Families. BU Academic Review, 19(1), 48-61.

Aphisamacharayothin, P. (2025). Strengthening the Competency of Families and Communities in Moral Behavior Development of Adolescences in a Digital Society: Case Study in 17 Northern Provinces. Sripatum Review of Humanities & Social Sciences, 25(1), 59-75.

Fauzia, et al. (2023). Social media-induced fear of missing out (FoMO) and social media fatigue: The role of narcissism, comparison and disclosure. Journal of Business Research, 159(1), 113693. https://doi.org/10.1016/j.jbus res.2023.113693.

Gupta & Sharma. (2021). Fear of missing out: A brief overview of origin, theoretical underpinnings and relationship with mental health. World J Clin Cases, 9(19), 4881-4889.

Tandon, et al. (2021). "Fear of missing out (FoMO) among social media users: a systematic literature review, synthesis and framework for future research". Internet Research, 31(3), 782-821.

UNICEF. (2008). Fact sheet: Young people and family planning: Teenage pregnancy. Malaysia: UNICEF office for Malasia.

Vries, et al. (2018). Problematic internet use and psychiatric co-morbidity of psychiatric patients. BMC Psychiatry, 18(1), 1-10.