วัด : แหล่งการเรียนรู้ที่สำคัญของสังคมไทย
คำสำคัญ:
วัด, แหล่งการเรียนรู้, สังคมไทยบทคัดย่อ
บทความเรื่องนี้ต้องการนำเสนอ ความสำคัญของวัดในฐานะที่เป็นแหล่งรวมองค์ความรู้อันหลากหลายที่ผู้เรียนสามารถเข้าไปศึกษาค้นคว้าหาความรู้ เนื่องจากวัดถือเป็นแหล่งขุมความรู้โดยเฉพาะเรื่องราวจากอดีตที่สำคัญและแสดงให้เห็นถึงความเป็นชนชาติที่มีอารยธรรมอันเก่าแก่ยาวนาน นอกจากจะให้ความสำคัญในเรื่องคุณค่าของงานศิลปะแล้ว ยังมีคุณค่าในด้านอื่น ๆ อีกมาก นอกจากนี้บทความยังได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริมวัดให้เป็นแหล่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืนด้วยการปรับทัศนคติทั้งพระภิกษุสงฆ์ พุทธศาสนิกชนและสร้างศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชนของพระภิกษุสงฆ์ภายในวัด พระภิกษุแสดงธรรมสั่งสอนให้รู้และเข้าใจธรรมะโดยถ่องแท้ คฤหัสถ์เข้าวัดเพื่อหาธรรมะ และศรัทธาในภิกษุผู้มีศีล มีธรรม ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีเคารพยำเกรงในพระศาสนา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ก็จะทำให้วัดเป็นแหล่งการเรียนรู้
References
เอกสารอ้างอิง
กรมการศาสนา. (2557). แนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางแสวงบุญในมิติทางศาสนา ปี 2557. กรุงเทพฯ: กรมการศาสนา.
กรมสามัญศึกษา. (2544). การพัฒนาและการใช้แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนและท้องถิ่นเพื่อจัดกระบวนการเรียนรู้.กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา.
เฉลิม พรกระแส. (2544). ร่วมปฏิรูปการเรียนรู้กับครูต้นแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญการสอนแบบการแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้. กรุงเทพฯ: แคนดิตมีเดีย.
เนาวรัตน์ ลิขิตวัฒนเศรษฐ. (2544). แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนสร้างเพื่อเด็กมิได้สร้างเพื่อใคร. วารสารวิชาการ, 4 (12), 26-37.
ประเวศ วะสี. (2543). สุขภาพในฐานะอุดมการณ์ของมนุษย์. พิมพ์ครั้งที่ 3. นนทบุรี : สำนักงานปฏิรูปสุขภาพสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
พระครูวัฒนสุตานุกูล. (2557). กระบวนการพัฒนาวัดให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ของคณะสงฆ์ไทย. (ปริญญานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต). พระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระเทพปริยัติสุธี (อาทร อินฺทปญฺโ). (2540). การคณะสงฆ์และการพระศาสนา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช). (2546). บทบาทของสถาบันพระพุทธศาสนากับการจัดการศึกษา. กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี.
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่2 พ.ศ. 2545. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2563 จาก
http://www.seal2thai.org/kru/kru012e.htm
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช). (2546). บทบาทของสถาบันพระพุทธศาสนากับการจัดการศึกษา. กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี.
พระวิสุทธิภัทรธาดา (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี). (2547). พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ และกฎมหาเถระ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระปลัดโฆษิต คงแทนและคณะ. (2558). รูปแบบการจัดการศึกษาของวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน. (ปริญญานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต). นครราชสีมา: มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล.
ภาสินี เปี่ยมพงศ์สานต์. (2548). สิ่งแวดล้อมศึกษา : แนวการสอนสาระการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ราชบัณฑิตยสถาน.(2554). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน.
ศิริกาญจน์ โกสุมภ์ และดารณี คำวัจนัง. (2545). แหล่งการเรียนรู้ : เพื่อการปฏิรูปการเรียนรู้และหลักสูตรสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : เมธีทิปส์.
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปญฺโญ). (2550). วัดพัฒนา 50. กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติ.
สมาน จิตภิรมย์รื่น. (2541). วัดพัฒนา 41. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา.
สามารถ มังสัง. (2557). วัด : แหล่งเรียนรู้อันควรอนุรักษ์. สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2564 จาก
https://mgronline.com/daily/detail/9570000143892
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (มปป.). “วัด”ต้องเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน. สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2564 จาก https://www.thaihealth.or.th/
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2545). แหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษาและชุมชน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์การศาสนา.
สุจิตรา อ่อนค้อม. (2546). รูปแบบการจัดการศึกษาและการเผยแผ่ศาสนธรรมของวัดในพระพุทธศาสนา : กรณีศึกษาวัดสามชุก. กรุงเทพฯ: สำนักคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี.
สุมาลี สังข์ศรี และคณะ. (2548). การจัดการเรียนรู้ของแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต : พิพิธภัณฑ์. รายงานการวิจัย. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดภาพพิมพ์.
สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ. (2544). การบูรณาการหลักสูตรการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.
สำนักงานจังหวัดฉะเชิงเทรา. (มปป.) สืบค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2564 จากhttp://www.chachoengsao.go.th/sotorn/index.php?option=com_content&view=article&id=107& Itemid=107
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
License
Copyright (c) 2022 วารสารพุทธอาเซียนศึกษา

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.