นโยบายการใช้เครื่องมือ AI

กำหนดให้ใช้เป็นแนวทางสำหรับการเขียนต้นฉบับบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป 

...........................................

ตามที่ สมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (American Psychological Association) หรือ APA ได้กำหนดนโยบายการใช้เครื่องมือ AI (APA Journals policy on generative AI) ขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับการบริหารจัดการวารสารวิชาการ นั้น  Click

ในการนี้ วารสารวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ เห็นว่าแนวปฏิบัติของ APA มีประโยชน์และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพของวารสาร จึงขอแจ้งนโยบายการใช้เครื่องมือ AI สำหรับการเขียนต้นฉบับบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ ดังนี้

   1. ผู้เขียน

          1.1. ห้ามผู้เขียนสร้างหรือแต่งเนื้อหาในต้นฉบับบทความโดยใช้ AI (AI-Generated Content)* ในทุกกรณี เนื่องจากวารสารฯ ให้ความสำคัญกับองค์ความรู้ของมนุษย์และการเผยแพร่งานวิชาการที่เป็นความเข้าใจของมนุษย์อย่างแท้จริง วารสารฯ คาดหวังที่จะเห็นการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบและการถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างสร้างสรรค์ โดยเป็นไปตามมาตรฐาน จริยธรรม และจรรยาบรรณทางวิชาการ

          1.2. ห้ามผู้เขียนระบุหรืออ้างถึง AI ในฐานะผู้เขียนหรือผู้เขียนร่วม เนื่องจากผลงานที่สร้างสรรค์โดย AI ไม่ได้เป็นผลงานที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ (Human Authorship) หรือ สร้างสรรค์ขึ้นโดยความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ (Creative power of mind) และกฎหมายลิขสิทธิ์ในประเทศไทยมีผลเฉพาะงานสร้างสรรค์ของมนุษย์เท่านั้น

          1.3. ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อความถูกต้องของเนื้อหาและข้อมูลต่าง ๆ ในบทความที่เสนอต่อวารสาร หากมีการใช้ AI ในกระบวนการศึกษา ต้องระบุข้อมูลของเครื่องมือ AI นั้นให้ชัดเจนและตรวจสอบได้ โดยกำหนดให้ผู้เขียนระบุไว้ในเชิงอรรถ (footnote) ของต้นฉบับ ประกอบด้วยชื่อรุ่นหรือเครื่องมือที่ใช้ (The name of model or tool) หมายเลขรุ่น (Version number) และผู้ผลิต (Manufacturer) รวมทั้งต้องส่ง prompt และ output ทั้งหมด มาให้แก่วารสารด้วย

          1.4. ผู้เขียนต้องใช้หลักเกณฑ์การอ้างอิง APA (Software Citation) ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องอ้างอิง AI

          1.5. ผู้เขียนสามารถใช้ AI สำหรับการพิสูจน์อักษรหรือตรวจแก้ภาษา เพื่อปรับปรุงภาษา (readability) หรือปรับปรุงไวยากรณ์ (grammar) ของต้นฉบับบทความได้

          1.6. ผู้เขียนสามารถใช้ AI สำหรับการตรวจจับการคัดลอกผลงานทางวิชาการ (plagiarism) และการจัดการรายการอ้างอิง (reference management) ได้

          1.7. ผู้เขียนต้องตระหนักและรับผิดชอบต่อความลับของข้อมูลที่ใช้ศึกษาหรือวิจัย ที่ผู้เขียนนำเข้าสู่ระบบ AI เนื่องจากองค์กรที่เป็นผู้ผลิต AI อาจจะสามารถเข้าถึงข้อมูลความลับเหล่านั้นได้ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการระบุตัวบุคคลของผู้วิจัยหรือผู้ร่วมวิจัย ข้อมูลการติดต่อบุคคล และผลกระทบต่อลิขสิทธิ์ผลงานที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น ที่ผู้เขียนนำมาไว้เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหา

   2. บรรณาธิการวารสาร

          2.1. บรรณาธิการต้อง “ปฏิเสธต้นฉบับ” บทความทันที หากตรวจสอบพบว่าต้นฉบับบทความที่ส่งมาเสนอตีพิมพ์ในวารสารสร้างหรือแต่งเนื้อหาโดยใช้ AI (AI-Generated Content) 

          2.2. บรรณาธิการต้องเก็บข้อมูล prompt และ output ทั้งหมดไว้เป็นความลับ

          2.3. บรรณาธิการต้องไม่นำเข้าข้อมูลต้นฉบับบทความที่ยังไม่ได้เผยแพร่เข้าสู่ระบบ AI เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ผลงานที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น เนื่องจาก AI บางรุ่น สามารถเรียนรู้และจดจำภาพหรือข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์เหล่านั้น และนำไปสร้างสรรค์ผลงานอื่น ๆ ได้ ซึ่งขัดต่อหลักการคุ้มครองผลงานอันเป็นลิขสิทธิ์ของผู้อื่น

   3. ผู้ประเมินบทความ

          3.1. ผู้ประเมินบทความต้องตระหนักว่า ต้นฉบับบทความที่วารสารส่งให้เพื่อพิจารณานั้น เป็นความลับของผู้อื่น ห้ามผู้ประเมินบทความนำเข้าข้อมูลต้นฉบับบทความที่ยังไม่ได้เผยแพร่เข้าสู่ระบบ AI เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ผลงานที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น

          3.2. ผู้ประเมินบทความต้องไม่นำเข้าข้อมูลการติดต่อสื่อสารกับบรรณาธิการรวมถึงข้อคิดเห็นต่าง ๆ เข้าสู่ระบบ AI เพื่อสร้างบทวิเคราะห์ สรุปเนื้อหา หรือบทวิจารณ์ผลงานในทุก ๆ กรณี เพื่อป้องกันการสร้างบทสรุปที่ไม่ถูกต้อง เอนเอียง หรือการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ AI จำลองขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบต่อวงวิชาการและมาตรฐานของวารสาร

................................................

*หมายเหตุ : การสร้างหรือแต่งเนื้อหาในต้นฉบับบทความโดยใช้ AI (AI-Generated Content) หมายถึง การสร้างหรือแต่งเนื้อหาในต้นฉบับบทความ โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) โดยผู้เขียนไม่ได้คิด วิเคราะห์ หรือสร้างสรรค์ขึ้นเอง เช่น การสร้างข้อความ (text generation) การสังเคราะห์และสร้างภาพ (synthesis and create image) การสังเคราะห์และสร้างเสียง (synthesis and create audio) การสังเคราะห์ข้อมูล (synthetic data) การสร้างตารางและแผนภูมิ (create table and graph or chart) การสร้างแผนการสอน (lesson plan) และการสร้างคำถามหรือคำตอบเพื่อการทดสอบ (create questions and answers for tests and quizzes) เป็นต้น

วารสารขอให้ผู้เขียนคำนึงถึงความเสี่ยงของการใช้ AI ในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

   1) ความไม่ถูกต้องและความลำเอียง (Inaccuracy and bias)

          ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ประมวลผลโดยใช้ข้อมูลทางสถิติ ซึ่งอาจจะพบว่าข้อมูลบางส่วนที่ AI สร้างขึ้นไม่ถูกต้องและลำเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งไม่เหมาะสมกับการใช้เพื่อนำเสนอผลงานทางวิชาการ โดยเฉพาะข้อมูลที่มีความอ่อนไหวและส่งผลกระทบต่อผู้อื่น

    2) การขาดการระบุแหล่งที่มา (Lack of attribution)

          ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) มีแนวโน้มที่จะพยายามนำเสนอข้อมูลที่สมจริงหรือทำให้น่าเชื่อถือได้ โดยอาจจะเป็นการจำลองขึ้นจากการประมวลแหล่งข้อมูลที่ AI เรียนรู้อย่างไม่เป็นระบบ บางครั้ง AI สามารถนำเสนอแนวคิด ทฤษฎี หรือแนวปฏิบัติที่คลาดเคลื่อนเหล่านั้นได้อย่างสมจริง โดยไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของข้อมูลได้ หากผู้เขียนไม่สามารถสังเคราะห์และประเมินความถูกต้องของข้อมูลเหล่านั้นอย่างรัดกุม ก็จะมีโอกาสที่จะใช้ข้อมูลนั้นและนำเสนอต่อวงวิชาการ จนเกิดการส่งต่อข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเหล่านั้นในวงกว้าง

   3) การรักษาความลับและความเสี่ยงในทรัพย์สินทางปัญญา (Confidentiality and Intellectual Property Risks)

          ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ในปัจจุบัน สร้างขึ้นในรูปแบบระบบเครือข่ายผู้ให้บริการบุคคลที่สาม (third-party platform) โดยเป็นรูปแบบที่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทความของผู้เขียนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการรักษาความลับของข้อมูลในบทความ และความเสี่ยงต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

   4) ผลจากการใช้งานที่คาดไม่ถึง (Unintended uses)

          ผู้เขียนบางส่วน มีการนำเข้าและประมวลผลข้อมูล (input or output data) โดยเฉพาะข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะของบรรณาธิการวารสารหรือผู้ประเมินบทความเข้าสู่ระบบ AI เพื่อประมวลผลและวางแผนการแก้ไขต้นฉบับ การดำเนินการในลักษณะนี้ไม่สามารถปฏิบัติได้ เนื่องจากวารสารถือว่าเป็นการนำเข้าข้อมูลที่มีความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และการรักษาความลับของวารสาร

………………………..

สรุปจาก AI Policy โดยสำนักพิมพ์ Taylor & Francis Click