การสนับสนุนทางสังคมที่ให้กับครอบครัวผู้ป่วยจิตเภท เพื่อป้องกันการถูกทอดทิ้งในหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลปากช่องนานา
คำสำคัญ:
การสนับสนุนทางสังคม, ครอบครัวผู้ป่วย, ผู้ป่วยจิตเภท, การถูกทอดทิ้งบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงคุณภาพครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการสนับสนุนทางสังคมให้กับครอบครัวของผู้ป่วยจิตเภท ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ คือ กลุ่มผู้ดูแลที่มีประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยจิตเภท 2) แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ ได้แก่ กลุ่มทีม
สหวิชาชีพ รวมจำนวน 12 คน ผู้วิจัยผู้วิจัยใช้การเลือกกลุ่มเป้าหมายผู้ให้ข้อมูลสำคัญแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive sampling) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการศึกษาพบว่า การสนับสนุนทางสังคมทั้ง 5 ด้าน มีผลต่อครอบครัวผู้ป่วยจิตเภท ได้แก่ 1) การสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร การได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทีมสหวิชาชีพในการดูแลผู้ป่วยจิตเภท จะช่วยให้ผู้ดูแลมีแนวทางการดูแลผู้ป่วยจิตเภทได้อย่างเหมาะสม 2) การสนับสนุนการยอมรับ การที่ครอบครัวยอมรับให้การช่วยเหลือผู้ดูแลมีความรักความห่วงใย จะทำให้ผู้ดูแลรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีกำลังใจในการดูแลผู้ป่วยจิตเภท ทีมสหวิชาชีพมีส่วนช่วยให้คำปรึกษาเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้ดูแลและครอบครัว เพื่อนำผู้ป่วยจิตเภทกลับมาดูแลต่อเนื่องที่บ้าน
3) การสนับสนุนด้านจิตใจ เมื่อผู้ดูแลได้รับกำลังใจจากบุคคลรอบข้างและทีมสหวิชาชีพ ทำให้ผู้ดูแลมีความมั่นใจในการดูแลผู้ป่วย ลดความเครียด ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาต่อเนื่อง
4) การสนับสนุนด้านการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม การเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชน ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการยอมรับและไม่ถูกผลักดันออกจากชุมชน 5) การสนับสนุนทางสังคมด้านสิ่งของ พบว่า ผู้ดูแลได้รับการช่วยเหลือจากทีมสหวิชาชีพหรือหน่วยงานในพื้นที่ มีการช่วยเหลือจัดสวัสดิการและการสนับสนุนด้านอาชีพ
ดังนั้น การสนับสนุนทางสังคมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้ดูแลและผู้ป่วยจิตเภทสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
ชุติมา เทียนทอง และคณะ. (2564). การกลับมารักษาซ้ำในโรงพยาบาล ของผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง ศูนย์การุณรักษ์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์.
ศรีนครินทร์เวชสาร, 36(4), 469-473.
ชุมพร รุ่งเรือง. (2542). การสนับสนุนทางสังคมของผู้ป่วยภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังที่เข้ารับการรักษาในแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลหนองคาย. ใน วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ฐิตวันต์ หงส์กิตติยานนท์ และอารยา ทิพย์วงศ์. (2561). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแรงสนับสนุนทางสังคมกับคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยจิตเภท. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(พิเศษ), 487-494.
เมธี สุทธิศิลป์ และ สุดา ภู่น้อย. (2566). การสนับสนุนทางสังคมของครอบครัวต่อผู้ป่วยจิตเวชที่มารับการรักษาในโรงพยาบาลวังเจ้า. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอร์ทเทิร์น, 4(2), 102-119.
โรงพยาบาลปากช่องนานา. (2567). ข้อมูลคลินิกสุขภาพจิต. นครราชสีมา: คลินิกสุขภาพจิต โรงพยาบาลปากช่องนานา.
สุภาภรณ์ ด้วงแพง. (2531). ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้การสนับสนุนจากคู่สมรสกับการดูแลตนเองในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีขจัดของเสียทางเยื่อบุช่องท้องด้วยตนเอง. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล.
อัจฉรา ศักรางกูร (2550). การปรับตัวของผู้ป่วยจิตเภทที่ได้รับการสนับสนุนทางสังคมจากครอบครัว กรณีศึกษาโรงพยายาบาลศรีธัญญา. ใน วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
เอมิกา กลยนี และคณะ. (2558). ปัจจัยคัดสรรที่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทที่ให้การดูแลผู้ป่วยที่บ้าน. วารสารพยาบาลตำรวจและวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 7(1), 128-140.
Cobb, S. (1976). Social support as moderator of life stress. Psychosomatic Medicine, 34, 300-314.
Perlick, D. A., et al. (2001). Adverse effects of perceived stigma on social adaptation of person diagnosed with bipolar affective disorder. Psychiatric Services, 52(12), 1627-1632.
Thoits, P. A. S. (1986). Social support as coping assistance. Journal of Consulting and Clinical Psychological, 54(4), 416-423.
