การศึกษาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์และความเชื่อมั่นในตนเองที่มีต่อการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ผู้แต่ง

  • กฤตเมธ กาสินพิลา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
  • ยุทธพงศ์ ทิพย์ชาติ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

คำสำคัญ:

ความเข้าใจทางคณิตศาสตร์, ความเชื่อมั่นในตนเอง, การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่มีระดับความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ต่างกัน 2) เปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่มีระดับความเชื่อมั่นในตนเองต่างกัน และ 3) ศึกษาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์และความเชื่อมั่นในตนเองที่มีต่อการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 120 คน ซึ่งได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แบบทดสอบความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ แบบวัดความเชื่อมั่นในตนเอง แบบทดสอบการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ และแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีศึกษาเฉพาะรายกรณี (Case Study) และการวิเคราะห์เชิงพรรณนา (Descriptive Analysis)

ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนที่มีระดับความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ต่างกัน ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนที่มีระดับความเชื่อมั่นในตนเองต่างกัน ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนที่มีความเข้าใจทางคณิตศาสตร์และความเชื่อมั่นในตนเองระดับสูงแสดงออกถึงกระบวนการแก้ปัญหาที่ครบถ้วน วางแผนการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ เชื่อมโยงความรู้เดิมกับโจทย์ใหม่ได้ดีและอธิบายคำตอบได้อย่างมีเหตุผล นักเรียนที่อยู่ในระดับปานกลาง สามารถแก้โจทย์ปัญหาที่คล้ายกับแบบฝึกหัดได้ แต่ขาดการอธิบายที่ชัดเจน ไม่มั่นใจในการตอบคำถามเมื่อถูกถามให้ขยายความแนวคิดการแก้ปัญหาของตน และนักเรียนที่อยู่ในระดับต่ำ ไม่สามารถตีความโจทย์ปัญหา วางแผน อธิบายแนวคิดและเหตุผลได้

เอกสารอ้างอิง

ทัศณียา บัวภา. (2554). การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเองของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นด้วยการเรียนรู้แบบร่วมมือ.วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ละม้ายมาศ ศรทัตต์ และจรรยา สุวรรณทัต. (2510). จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช.

วสันต์ เต็งกวน. (2558). ความเชื่อมั่นในตนเองกับการตัดสินใจเลือกอาชีพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม, 4(1), 85–92.

อรัญญา เถื่อนสุริยะ. (2553). การพัฒนาเด็กปฐมวัย: การส่งเสริมพฤติกรรมและบุคลิกภาพที่ดี. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Bandura, A. (1977). Self-efficacy: Toward a unifying theory of behavioral change. Psychological Review, 84(2), 191–215.

Child Study Association of America. (1952). Child development: A report of the committee on child development. New York: Child Study Association of America.

Hiebert,J. and Carpenter, T.P. (1992). Learning and Teaching with Understanding. In D.A. Grouws (E.D.), Hand bookof Research on Mathematics Teaching and Learning. New York.

Maslow, Abraham M. (1954). Motivation and Personality. New York : Harper and Row. Polya, G. (1957). How to solve it: A new aspect of mathematical method (2nd ed.). Princeton, NJ: Princeton University Press.

Pirie, S., & Kieren, T. (1994). “Beyond metaphor : Formalising in mathematical understanding within constructivist environments,” For the Learning of Mathematics. 14(1) ; 39-43

Skemp, R. R. (1976). Relational understanding and instrumental understanding. Mathematics Teaching, 77, 20–26.

Usiskin, Z. (2001). What does it mean to understand some mathematics? In D. A. Grouws (Ed.), Handbook of research on mathematics teaching and learning (pp. 80–84). Macmillan.

Yoder, A. A., & Proctor, R. M. (1988). Self-confidence and decision-making in adolescents. Journal of Youth and Adolescence, 17(1), 19–25. https://doi.org/10.1007/BF01538722

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-10-29

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย