การพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในยุคดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมรรถนะและแนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในยุคดิจิทัล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 5 ได้กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซีและมอร์แกน จำนวน 136 คน โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ เป็นแบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในยุคดิจิทัล โดยรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก และ 2) แนวทางการพัฒนาสมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในยุคดิจิทัล ได้แก่ 1) สมรรถนะหลัก พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีการนำพาองค์กรให้เติบโตและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคม มีความรู้เชิงลึกด้านดิจิทัล นวัตกรรม และการจัดการข้อมูล และทักษะในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ 2) สมรรถนะประจำสายงาน พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีความสามารถบริหารสถานศึกษาในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีการปรับตัวและพัฒนาทักษะใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง 3) สมรรถนะส่วนบุคคล พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีการปรับตัวต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ การวิเคราะห์ข้อมูล และการใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ และมีความมุ่งมั่นและกระตือรือร้นในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเพื่อนำพาสถานศึกษาไปสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล และ 4) สมรรถนะด้านการบริหาร พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษามีการใช้เทคโนโลยีในการวางกลยุทธ์ และนำการเปลี่ยนแปลงมาใช้ในการบริหารสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาการศึกษาให้ทันต่อความต้องการของสังคมในยุคดิจิทัล
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
ฉวีวรรณ ฉัตรวิไล. (2560). สมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการดำเนินการตามมาตรฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 6 จังหวัดฉะเชิงเทรา. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์.
นัจภัค บูชาพิพม์. (2560). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะผู้บริหารสถานศึกษาสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้. ใน วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม.
ปุณณิฐฐา มาเชค. (2565). การบริหารองค์กรทางการศึกษาในยุคดิจิทัล. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ภานุวัฒน์ สิงห์หาญ. (2558). สมรรถนะของผู้บริหารสถานศึกษาด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการและการบริการการศึกษาในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1. ใน วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา. มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. (2549). หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูฯ ให้มีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและเชี่ยวชาญ. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพมหานคร: พริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
Cronbach, L. J. (1970). Essentials of psychological test (5th ed.). New York: Harper Collins.
Gurr, D. (2006). The impact of Information and Communication Technology on the Work of School Principals. New York: Prentice-Hall.
Krejcie, R. V. & Morgan D. W. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities”. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Likert, R. (1967). "The Method of Constructing an Attitude Scale", Reading in Attitude Theory and Measurement Fishbeie, Matin, Ed. New York: Wiley & Son.