การเปรียบเทียบผลของการฝึกระหว่างโบซูบอลและอินแฟลตบอลที่มีต่อความแข็งแรงของขา-ลำตัวและการทรงตัวในนักกีฬายิมนาสติกสมัครเล่น

Main Article Content

ศรัณย์ สุวรรณษา

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลของการฝึกโบซูบอลและอินแฟลตบอลที่มีต่อความแข็งแรงของขา-ลำตัวและการทรงตัวในนักกีฬายิมนาสติกสมัครเล่น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักกีฬายิมนาสติกสมัครเล่นในจังหวัดสุโขทัย ปี 2567 จำนวน 32 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจงและคำนวณกลุ่มตัวอย่างโดยใช้โปรแกรม G*power โดยผู้วิจัยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ฝึกโบซูบอลจำนวน 16 คน และกลุ่มที่ฝึกอินแฟลตบอลจำนวน 16 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) โปรแกรมการฝึกโบซูบอล 2) โปรแกรมการฝึกอินแฟลตบอล 3) แบบทดสอบแรงเหยียดขา 4) แบบทดสอบลุกนั่ง 60 วินาที และ 5) แบบทดสอบการทรงตัวรูปตัววาย ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์สถิติที ผลการวิจัยพบว่า 1) กลุ่มที่ฝึกโปรแกรมโบซูบอลและกลุ่มที่ฝึกโปรแกรมอินแฟลตบอลหลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 มีความแข็งแรงของขา-ลำตัวและการทรงตัวดีกว่าก่อนการฝึกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) หลังการฝึกสัปดาห์ที่ 8 กลุ่มที่ฝึกโปรแกรมโบซูบอลมีความแข็งแรงของขา-ลำตัวและการทรงตัวดีกว่ากลุ่มที่ฝึกโปรแกรมอินแฟลตบอลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สรุปได้ว่าโปรแกรมการฝึกโบซูบอลสามารถใช้เป็นโปรแกรมเสริมในการฝึกเพื่อพัฒนาความแข็งแรงของขา-ลำตัวและการทรงตัวของนักกีฬายิมนาสติกสมัครเล่น โดยต้องทำการฝึก 3 วันต่อสัปดาห์ วันละ 30 นาที เป็นเวลาจำนวน 8 สัปดาห์ สามารถพัฒนาความแข็งแรงของขา-ลำตัวและการทรงตัวได้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สุวรรณษา ศ. . (2025). การเปรียบเทียบผลของการฝึกระหว่างโบซูบอลและอินแฟลตบอลที่มีต่อความแข็งแรงของขา-ลำตัวและการทรงตัวในนักกีฬายิมนาสติกสมัครเล่น. วารสารสังคมพัฒนศาสตร์, 8(11), 173–181. สืบค้น จาก https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JSSD/article/view/9620
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

ชนวัฒน์ สรรพสิทธิ. (2565). การฝึกด้วยแรงต้านสำหรับการพัฒนานักกีฬาระดับเยาวชน. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ, 14(2), 309-321.

ถาวร กมุทศรี และคณะ. (2558). เกณฑ์สมรรถภาพทางกายนักกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล.

บุญใจ ศรีสถิตนรากูร. (2563). ขนาดอิทธิพลการวิเคราะห์อำนาจการคำนวณขนาดตัวอย่างที่เหมาะสมโดยใช้โปรแกรม G*Power. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ศราวุฒิ อินพวง และคณะ. (2561). ผลของโปรแกรมการออกกำลังกายโดยใช้โบซูบอลที่มีต่อการทรงตัว และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน. วารสารอิเล็กทรอนิกส์ทางการศึกษา, 13(4), 417-430.

สนธยา สีละมาดและดุจเดือน สีละมาด. (2560). การฝึกด้วยน้ำหนัก : การประยุกต์กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาสู่เทคนิคการปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Abuwarda, K. et al. (2024). High-intensity interval training on unstable vs stable surfaces: effects on explosive strength, balance, agility, and Tsukahara vault performance in gymnastics. Pedagogy of Physical Culture and Sports, 28(1), 43-52.

Marquina, M. et al. (2021). Effects on strength, power and speed execution using exercise balls, semi-sphere balance balls and suspension training devices: a systematic review. . International journal of environmental research and public health, 18(3), 1026. https://doi.org/10.3390/ijerph18031026.

Neves, L. F. et al. (2017). The Y balance test-how and why to do it. Int Phys Med Rehab J., 2(4), 99-100.

Prasetyo, H. et al. (2023). Circuit training bosu ball: Effect on balance and accuracy of archery athletes. Pedagogy of Physical Culture and Sports, 27(3), 229-234.

Şadiye, T. U. R. A. et al. (2024). The Impact of Bosu Training on The Development of Static and Dynamic Balance in Teenage Basketball Players. International Journal of Religion, 5(5), 424-431.

Salam, A., et al. (2024). A Mini Review: How Does the Bosu Ball Training Method Affect an Athlete's Balance. J Adv Sport Phys Edu, 7(5), 99-104.

Snarr, R. L. et al. (2021). Bodyweight BOSU Ball Exercises. Strength & Conditioning Journal, 43(3), 117-126.

Yee, C. N. J. et al. (2023). Effects of proprioceptive training using BOSU® balance trainer on core strength and static balance in young competitive rhythmic gymnasts. Malaysian Journal of Movement, Health & Exercise, 12(2), 66-72.