การพัฒนาและประเมินประสิทธิภาพโปรแกรมบ่มเพาะจิตลักษณะและทักษะแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างพลังครอบครัววิถีใหม่ในเยาวชนไทย

ผู้แต่ง

  • ณฐวัฒน์ ล่องทอง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • สุวลักษณ์ อ้วนสอาด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
  • กฤษณะ โชติรัตนกมล อาจารย์ ดร. วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • อนันต์ แย้มเยื้อน รองศาสตราจารย์ ดร. คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์

คำสำคัญ:

พฤติกรรมเสริมสร้างพลังครอบครัว, การวิจัยเชิงทดลอง, โปรแกรมบ่มเพาะจิตลักษณะและทักษะ, เยาวชนไทยครอบครัววิถีใหม่

บทคัดย่อ

ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย โดยมีสถิติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาโปรแกรมบ่มเพาะจิตลักษณะและทักษะแบบบูรณาการเพื่อเสริมสร้างพลังครอบครัววิถีใหม่จึงเป็นแนวทางสำคัญหนึ่งในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและตรวจสอบประสิทธิภาพโปรแกรมบ่มเพาะจิตลักษณะและทักษะแบบบูรณาการเพื่อพัฒนาพฤติกรรมการเสริมสร้างพลังครอบครัววิถีใหม่ และทดสอบประสิทธิผลในกลุ่มเยาวชนไทย ใช้การวิจัยเชิงทดลองแบบแฟกทอเรียล 2×2 กับกลุ่มตัวอย่างเยาวชน 320 คน แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 80 คน ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับการบ่มเพาะทั้งจิตลักษณะและทักษะ กลุ่มที่ได้รับการบ่มเพาะจิตลักษณะ กลุ่มที่ได้รับการบ่มเพาะทักษะ และกลุ่มควบคุม เก็บข้อมูล 3 ระยะ คือ ก่อนการทดลอง หลังการทดลอง และติดตามผล 3 เดือน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมหลายตัวแปร โดยใช้คะแนนเจตคติก่อนการทดลองเป็นตัวแปรร่วม เนื่องจากพบความแตกต่างในระยะก่อนการทดลอง (Wilk's lambda = .925, F = 2.756, p = .004) ผลการวิจัยพบว่า โปรแกรมบ่มเพาะจิตลักษณะและทักษะแบบบูรณาการ ที่พัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่าง 0.66-1.00 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ กลุ่มที่ได้รับการบ่มเพาะทั้งจิตลักษณะและทักษะมีพฤติกรรมการเสริมสร้างพลังครอบครัววิถีใหม่ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และเจตคติทางบวกสูงกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) ทั้งในระยะหลังการทดลอง (Wilk's Lambda = .580, F = 21.226, p<.001) และติดตามผล   3 เดือน (Wilk's Lambda = .650, F = 16.378, p<.001) สรุปได้ว่าโปรแกรมบ่มเพาะจิตลักษณะและทักษะแบบบูรณาการมีประสิทธิผลในการพัฒนาพฤติกรรมการเสริมสร้างพลังครอบครัววิถีใหม่ในเยาวชนไทย

เอกสารอ้างอิง

กันตภณ มนัสพล, วรากร ทรัพย์วิระปกรณ์, & สุรินทร์ สุทธิธาทิพย์. (2562). ผลของการปรึกษากลุ่มตามทฤษฎีพฤติกรรมทางปัญญาต่อความทนทานทางจิตใจของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 10(1), 274–295.

งามตา วนินทานนท์. (2535). จิตวิทยาสังคม: ทัศนคติและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ณฐวัฒน์ ล่องทอง. (2565). ผลของการฝึกอบรมโดยใช้แนวคิดทางจิตวิทยาการปรึกษาแบบผสมผสานเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างความทนทานทางจิตใจของนักศึกษา. วารสารจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต, 12(2), 27–38.

ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร. (2565). Basic skills in CBT. สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ธนกร ชูสุขเสริม. (2560). การจัดการความขัดแย้งในครอบครัว: แนวทางสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ผ่องพรรณ เกิดพิทักษ์. (2554). ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการให้การปรึกษาครอบครัวในแนวคิดทางการแนะแนวและทฤษฎีการปรึกษาเชิงจิตวิทยา หน่วยที่ 8-15. โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

เพ็ญนภา กุลนภาดล. (2565). การปรึกษาครอบครัว (พิมพ์ครั้งที่ 2). เนติกุลพริ้นติ้ง.

สมนทิพย์ จิตสว่าง, ฐิติยา เพชรมุนี, นัทธี จิตสว่าง, & วนัสนันท์ กันทะวงศ์. (2566). ความรุนแรงในสังคมไทย. วารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์, 31(1), 47–88.

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2565). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570). กรุงเทพฯ: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.

อธิษฐ์ ทวีธนธาตรี. (2564). ผลของโปรแกรมการให้คำปรึกษากลุ่มด้วยวิธีการบำบัดความคิดและพฤติกรรมเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงติดเกมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ].

อนุ เจริญวงศ์ระยับ & วีรวรรณ วงศ์ปิ่นเพ็ชร์. (2563). การพัฒนาภูมิคุ้มกันทางจิตในเยาวชน. วารสารจิตวิทยาและพัฒนาการ, 32(1), 78–95.

Ajzen, I. (2005). Attitudes, personality, and behavior. Open University Press.

Ajzen, I., & Fishbein, M. (1980). Understanding attitudes and predicting social behavior. Prentice-Hall.

Chotratanakamol, K., Uansa-ard, S., Longthong, N., & Yaemyuean, A. (2024). The effect of psychological training on strengthening family behavioral empowerment: A path analysis approach. Thammasat Review, 27(1), 126–152. https://sc01.tci-thaijo.org/index.php/tureview/article/view/240696

Cohen, J. (1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences (2nd ed.). Lawrence Erlbaum Associates.

Endler, N. S., & Magnusson, D. (1977). The interaction model of anxiety: An empirical test in an examination situation. Canadian Journal of Behavioural Science / Revue Canadienne Des Sciences Du Comportement, 9(2), 101–107. https://doi.org/10.1037/h0081612

Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A.-G., & Buchner, A. (2007). G*Power 3: A flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behavior Research Methods, 39(2), 175-191. https://doi.org/10.3758/BF03193146

Fishbein, M., & Ajzen, I. (1975). Belief, attitude, intention, and behavior: An introduction to theory and research. Addison-Wesley.

Gibson, L. J., Ivancevich, M. J., Donnelly, H. J., & Konopaske, R. (2011). Organization behavior structure process (14th ed.). McGraw-Hill.

Haiman, F. S. (1963). Effects of training in group processes on open-mindedness. Journal of Communication, 13(4), 236–245.

McClelland, D. C. (1961). The Achieving society. Van Nostrand.

Tett, R. P., & Burnett, D. D. (2003). A personality trait-based interactionist model of job performance. Journal of Applied Psychology, 88(3), 500–517. https://doi.org/10.1037/0021-9010.88.3.500

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-01

รูปแบบการอ้างอิง

ล่องทอง ณ., อ้วนสอาด ส. ., โชติรัตนกมล ก. ., & แย้มเยื้อน อ. . (2025). การพัฒนาและประเมินประสิทธิภาพโปรแกรมบ่มเพาะจิตลักษณะและทักษะแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างพลังครอบครัววิถีใหม่ในเยาวชนไทย. วารสารจิตวิทยาแห่งประเทศไทย, 23(2), 114–135. สืบค้น จาก https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JPsychol/article/view/7668

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย