วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นวารสารเพื่อรองรับผลงานวิชาการด้านรับใช้สังคม

แนวคิดและหลักการ

         ปัจจุบัน วิชาการรับใช้สังคม (socially-engage scholarship) ได้มีการดำเนินการกันแพร่หลายและต่อเนื่อง โดยเป็นการทำงานเชิงวิชาการร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยฯหรือหน่วยงานต่างๆกับสังคม เพื่อเป้าหมายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสังคมสู่ทิศทางที่ดีขึ้น โดยการทำงานร่วมกันที่ว่านั้นตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐาน 4 ประการ คือ ร่วมคิดร่วมทำ (Partnership) ผู้เกี่ยวข้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน (Mutual benefit) เรียนรู้และใช้ความรู้ร่วมกัน (Scholarship) และมีผลกระทบต่อสังคม (Social impact)
         การดำเนินงาน “วิชาการรับใช้สังคม” จะเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน หมู่บ้าน/ชุมชนแบบมีส่วนร่วม โดยสมาชิกในชุมชน นักวิชาการของมหาวิทยาลัยฯ หน่วยงาน ร่วมกันคิด กำหนดแนวทางในการดำเนินการร่วมกัน มีการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนที่ช่วยกันค้นหาความต้องการ หรือปัญหาที่ต้องการการแก้ไข
โดยแบ่งได้เป็น

  1. งานบริการวิชาการ (community service learning) ที่มีกระบวนการนำองค์ความรู้ที่มีอยู่ภายในหรือภายนอกมหาลัยมาปรับปรุง ประยุกต์ และใช้กระบวนการที่เหมาะสมและเข้ากับบริบทของแต่ละชุมชนหรือสถานประกอบการ
  2. งานวิจัย (socially-engage research) ที่สร้างองค์ความรู้เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้ อาทิ ชุมชนหรือผู้ประกอบการ

        ดังนั้นการดำเนินการ “วารสารทางวิชาการรับใช้สังคม” จะเป็นแนวทางหนึ่งให้นักวิจัย นักบริการวิชาการ ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ที่ทำงานร่วมกับผู้ใช้ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นคนในชุมชนหรือผู้ประกอบการ มีแหล่งวารสารที่สามารถตีพิมพ์เผยแพร่ผลงาน เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานวิชาการด้านรับใช้สังคมของมหาวิทยาลัย และประเทศชาติ ให้พัฒนาขึ้นต่อไป ทั้งงานวิชาการรับใช้สังคมเพื่อประโยชน์ของชุมชนและสาธารณะ และงานวิชาการรับใช้สังคมเพื่อผู้ประกอบการ

วัตถุประสงค์และหลักเกณฑ์การเสนอบทความ


วัตถุประสงค์ของ “วารสารวิชาการรับใช้สังคม”
วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มีวัตถุประสงค์เพื่อตีพิมพ์ผลงานวิชาการด้านรับใช้สังคม ทั้งงานวิจัยและงานบริการวิชาการ เผยแพร่เพื่อพัฒนาสังคมและส่งเสริมให้นักวิชาการด้านรับใช้สังคมในหน่วยงานต่างๆ ได้มีแหล่งนำเสนอผลงานทางวิชาการสู่สาธารณะ

หลักเกณฑ์การเสนอบทความวิจัยสำหรับ “วารสารวิชาการรับใช้สังคม”

  1. เป็นบทความที่เกิดจากการค้นคว้าวิจัยโดยมีกระบวนการนำไปสู่การสร้างความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชนสถานประกอบการ และมีข้ออธิบายได้อย่างชัดเจน และ/หรือ เป็นบทความที่เกิดจากการบริการวิชาการ ที่สามารถอธิบายกระบวนการนำองค์ความรู้ ไปปรับใช้ ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของชุมชนหรือผู้ประกอบการ
  2. เป็นงานวิจัยหรืองานบริการวิชาการที่มีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์เพื่อการใช้ประโยชน์ในการพัฒนาสังคม ชุมชน ท้องถิ่น และ/หรือผู้ประกอบการ
  3. มีการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในสถานประกอบการหรือในชุมชนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อาทิประโยชน์เชิงนโยบาย เชิงพานิชย์ เชิงสาธารณะ หรืออื่นๆ
  4. เป็นการบริการวิชาการที่สามารถอธิบายกระบวนการหรือวิธีการนำเอาองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในสถานประกอบการหรือในชุมชน
  5. การนำไปใช้ประโยชน์เกิดผลกระทบกับสังคม ชุมชน ท้องถิ่นหรือผู้ประกอบการในด้านการยกระดับคุณภาพด้านต่างๆ อย่างชัดเจน อาทิ รายได้ โอกาสในการดำเนินชีวิต สุขภาพตลอดจนผลกระทบ
    ด้านสิ่งแวดล้อมในชุมชน ฯลฯ และ/หรือมีผลกระทบในทางบวกในด้านต่างๆของโรงงาน สถานประกอบการ

        การเขียนบทความจากงานวิจัยและบริการวิชาการเพื่อตีพิมพ์ใน “วารสารวิชาการรับใช้สังคม” จะต้อง สอดคล้องกับประกาศ ก.พ.อ. ฉบับที่ 9 ที่เกี่ยวกับการเขียนเอกสารวิชาการรับใช้สังคม ซึ่งมี 7 ประการ คือ สามารถอธิบาย/ชี้แจงในประเด็นดังต่อไปนี้

  1. สภาพการณ์ก่อนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
  2. การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมาย
  3. การบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
  4. ความรู้ความเชี่ยวชาญที่ใช้ในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น
  5. การคาดการณสิ่งที่จะตามมาหลังจากการเปลี่ยนแปลงนั้น
  6. การประเมินผลลัพท์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
  7. แนวทางการติดตามและธำรงรักษาพัฒนาการที่เกิดขึ้นให้คงอยู่ต่อไป

รูปแบบของวารสาร

  • กำหนดออก ปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – มิถุนายน ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม
  • บทความที่ตีพิมพ์ต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน ต่อบทความ

รูปแบบการเขียนบทความ

        กองบรรณาธิการวารสารวิชาการรับใช้สังคมได้กำหนดระเบียบการส่งต้นฉบับไว้ให้ผู้เขียนยึดเป็นแนวทางในการส่งต้นฉบับสำหรับการตีพิมพ์ลง “วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา” และกองบรรณาธิการวารสารวิชาการรับใช้สังคมสามารถตรวจสอบต้นฉบับก่อนการตีพิมพ์ เพื่อให้วารสารมีคุณภาพสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ โดยวารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตั้งแต่ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – มิถุนายน พ.ศ. 2559 จะเป็นวารสารเพื่อเผยแพร่เพื่อพัฒนาสังคมและส่งเสริมให้นักวิชาการด้านรับใช้สังคมในหน่วยงานต่างๆ ได้มีแหล่งนำเสนอผลงานทางวิชาการสู่สาธารณะ รองรับงานวิชาการด้านรับใช้สังคม ทั้งงานวิจัยและงานบริการวิชาการ

ดาวน์โหลด   ไฟล์รูปแบบการเขียนบทความ (คลิก)

การเตรียมต้นฉบับบทความ มีรายละเอียดดังนี้

รูปแบบการพิมพ์

  1. ตัวอักษร : ใช้ตัวอักษร TH SarabunPSK โดยชื่อบทความใช้อักษรตัวหนา ขนาด 18 ชื่อผู้เขียน ใช้อักษรตัวปกติ ขนาด 15 หัวข้อหลักใช้อักษรตัวหนา ขนาด 15 และเนื้อเรื่องใช้อักษรตัวปกติ ขนาด 15
  2. การตั้งค่าหน้ากระดาษ : บน ล่าง ซ้ายและขวา ขนาด 1 นิ้ว
  3. ความยาวของเนื้อหา : ไม่เกิน 10 หน้า รวมรูปภาพ ตาราง แผนภูมิ และเอกสารอ้างอิง
  4. รูปแบบการใช้ภาษาอังกฤษในเนื้อเรื่องภาษาไทย
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ คำขึ้นต้นให้ใช้อักษรตัวใหญ่ และใช้ตัวอักษรเอียง เช่น Uglena acus
  • ชื่อเฉพาะให้ขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ทุกคำ เช่น Berdmann, Lemmermann
  • ภาษาอังกฤษทั้งในและนอกวงเล็บให้ใช้ตัวเล็ก เช่น random complete block design
  • ตัวย่อให้ใช้อักษรตัวใหญ่ทั้งหมด และควรมีคำเต็มบอกไว้ในการใช้ครั้งแรก เช่น (random complete block design, RCBD)

การเรียงลำดับเนื้อหา

  1. ชื่อเรื่อง : ใช้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษเฉพาะตัวอักษรแรกของชื่อเรื่องเท่านั้นที่ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ ยกเว้นชื่อเฉพาะ
  2. ชื่อผู้ดำเนินโครงการและผู้ร่วมดำเนินโครงการ : เฉพาะผู้ดำเนินโครงการหลักให้เพิ่ม * และผู้ดำเนินโครงการทุกคนให้ระบุตำแหน่ง สถานที่ทำงาน อีเมล์ เบอร์โทรศัพท์ และ เบอร์โทรสาร
  3. บทคัดย่อ : (ภาษาไทยตามด้วยภาษาอังกฤษ) เป็ยการสรุปสาระสำคัญ วัตถุประสงค์ วิธีดำเนินการ ผลการดำเนินงาน การนำไปใช้ และการปภิปรายผลที่กระชับและชัดเจน ใช้ภาษารัดกุมเป็นประโยคสมบูรณ์และเป็นร้อวแก้ว ไม่แบ่งเป็นข้อๆ โดยบทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภษาอังกฤษ ไม่ควรเกิน 1 หน้ากระดาษขนาด A4 และให้ระบุคำสำคัญ (keyword) ไว้ท้ายบทคัดย่อในแต่ละภาษา
  4. บทนำ : ชี้ให้เห็นความสำคัญของเรื่องที่ทำ เขียนให้สั้น กระชับ ไม่เกิน 15-20 บรรทัด ค้นคว้าเพิ่มเติมว่ามีผู้ใดทำงานในลักษณะใกล้เคียงแล้วบ้าง ได้ผลอย่างไร พร้อมระบุแนวทางการวิจัย/กระบวนการดำเนินการบริการวิชาการ จุดประสงค์ เขียนเป็นความเรียงหรือจัดลำดับความสำคัญแล้วจัดเรียงเป็นหัวข้อ (อาจกล่าวถึงข้อ 1. สภาพการณ์ก่อนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น)
  5. วิธีดำเนินงาน : อธิบายวิธีดำเนินโครงการให้เห็นขั้นตอน กระบวนการ ระบุขอบเขตของการวิจัย วิธีเลือกกลุ่มตัวอย่างให้ชัดเจน ในลักษณะที่หากมีผู้อื่นต้องการทำวิจัยในลักษณะเดียวกันสามารถอ่านและนำไปปฏิบัติได้ (กล่าวถึงข้อ 2.การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมาย 3.กระบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น 4.ความรู้ความเชี่ยวชาญที่ใช้ในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นหรือใช้องค์ความรู้อะไรไปทำบ้าง)
  6. ผลการดำเนินงาน : อธิบายผลที่เกิดจากโครงการโดยตรง ไม่มีการแสดงความคิดเห็นในส่วนนี้ อาจมีภาพประกอบ แผนภูมิตาราง (อาจอธิบายถึงข้อ 2.การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมาย ข้อ 6.ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการลงไปดำเนินโครงการ)
  7. การนำไปใช้ประโยชน์ : อธิบายให้เห็นว่าผลงานดังกล่าวได้นำไปใช้ประโยชน์อย่างไร ใครคือผู้ใช้ และมีกระบวนการผลักดัน ผลงานดังกล่าวสู่การใช้ประโยชน์ทั้งเชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ และเชิงสาธารณะอย่างไร (อาจอธิบายถึงข้อ 2.การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมายและข้อ 6ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการลงไปดำเนินโครงการ)
  8. อภิปรายผล : สรุปและอ้างอิงให้เห็นว่าผลการดำเนินงานดังกล่าวได้องค์ความรู้ใหม่ นวัตกรรมหรือทางเลือกใหม่ให้แก่พื้นที่อย่างไร และอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากผลการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรม รวามทั้งเสนอและการทำงานในขั้นต่อไป (อาจอธิบายข้อ 5.การคาดการณสิ่งที่จะตามมาหลังจากการเปลี่ยนแปลงนั้น ข้อ 7.แนวทางการติดตามและธำรงรักษาพัฒนาการที่เกิดขึ้นให้คงอยู่ต่อไป)
  9. บรรณานุกรม : การรวบรวมรายการเอกสารทั้งหมดที่ผู้เขียนได้ใช้อ้างอิงในการเขียนผลงานนั้น ๆ จัดเรียงรายการตามลําดับอักษรชื่อผู้แต่ง ภายใต้หัวข้อ เอกสารอ้างอิง สําหรับผลงานวิชาการภาษาไทยหรือ Reference สําหรับผลงานวิชาการ ภาษาอังกฤษ โดยใช้รูปแบบการเขียนเอกสารอ้างอิงแบบ APA (American Psychological Association) ตัวอย่างการเขียนเอกสารอ้างอิงมีดังนี้
  1. หนังสือ
    ชื่อผู้แต่ง. ปีที่พิมพ์. ชื่อเรื่อง. (ฉบับพิมพ์). สถานที่พิมพ์: ผู้จัดพิมพ์.ตัวอย่าง
    พรพิมล ตรีโชติ. 2542. ชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลพม่า. กรุงเทพฯ: สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
  2. บทความ
    ชื่อผู้แต่ง. ปีที่พิมพ์. ชื่อบทความ. ในชื่อบรรณาธิการ (บรรณาธิการ), ชื่อเรื่อง (ฉบับพิมพ์หน้าที่ปรากฏบทความ)
    สถานที่พิมพ์: ผู้จัดพิมพ์.ตัวอย่าง
    เสรี ลีลาภัย. 2542. เศรษฐกิจชาตินิยมในประเทศกําลังพัฒนาและสถานการณ์ในประเทศไทย. ณรงค์
    เพ็ชรประเสริฐ (บรรณาธิการ), 1999 จุดเปลี่ยนแห่งยุคสมัย. 90-141. กรุงเทพฯ: ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
  3. บทความในวารสาร
    ชื่อผู้แต่ง. ปีที่พิมพ์. “ชื่อบทความ.” ชื่อวารสาร. ปีที่ (ลําดับที่), เลขหน้าที่ปรากฏบทความ.ตัวอย่าง
    พุทธชาด โปธิบาล และนานันท์ ตรงดี. 2541. “สถานะของภาษาตากใบในภาษาถิ่น.” วารสารสงขลานครินทร์ ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.4, 2: 167-187.
  4. สาระสังเขปจากฐานข้อมลู CD-ROM
    ชื่อผู้แต่ง. ปีที่พิมพ??. ชื่อบทความ (ซีดีรอม). ชื่อวารสาร, ปีที่ (ลําดับที่), เลขหน้าที่ปรากฏบทความในวารสาร, สาระสังเขปจาก: ชื่อฐานข้อมูลและหมายเลขเอกสารเพื่อการค้นตัวอย่าง
    Preston, W. 1982. Poetry ideas in teaching literature and writing to foreign student (CD-ROM). TESOL quarterly, 16, 489-502. Abstract from: Dialog File: ERIC Item: EJ274529.
  5. วิทยานิพนธ์
    ชื่อผู้แต่ง. ปีที่พิมพ์. ชื่อวิทยานิพนธ์. ระดับวิทยานิพนธ์หรือปริญญานิพนธ์มหาวิทยาลัย.ตัวอย่าง
    เบ็ญจรัช เวชวิรัช. 2541. การศึกษาปัจจยที่มีผลกระทบต่อมูลค่าการให้สินเชื่อ เพื่อการส่งออกและนําเข้าของสถาบันการเงินไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาเศรษฐศาสตร์บัณฑิตวิทยาลัมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
  6. แหล่งสารสนเทศบนอินเตอร์เน็ต
    ชื่อผู้แต่ง. ปีที่พิมพ์. “ชื่อบทความ.” ออนไลน์ ได้จาก: หรือ online Avaliable at: แหล่งที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต.ตัวอย่าง
    สมชาย นาประเสริฐ, 2546. เทคโนโลยีกับการจัดการความรู้. ออนไลน์ ได้จาก http://ku.ac.th/e-magazine/june46/it/knowledge.thme
    indick,W.2002. Gender Differences in Moral Judement: Is Non-Consequential Reasoning a Factor?. online Avaliable at: http://www.uiowa.edu/grpproc/crisp/crisp5.2htm.

การส่งต้นฉบับ

  1. ผู้ส่งบทความจะต้องทำหนังสือนำส่ง โดยจัดส่งพร้อมแนบไฟล์ต้นฉบับที่พิมพ์ตามข้อกำหนดของรูปแบบวารสาร ที่ระบบ Online Submission : https://so07.tci-thaijo.org/index.php/JsesRMUTL/about/submissions ดังนี้

              1) ไฟล์หนังสือนำส่ง
              2) ไฟล์ต้นฉบับที่พิมพ์ตามข้อกำหนดของรูปแบบวารสาร นามสกุล doc หรือ docx
              3) ไฟล์ต้นฉบับที่พิมพ์ตามข้อกำหนดของรูปแบบวารสาร นามสกุล pdf

    ดาวน์โหลด หนังสือนำส่งบทความ (คลิก)

  2. ผู้ประพันธ์สามารถตรวจสอบผลการจัดส่งบทความผ่านทางระบบ  Online Submission โดยให้ทำการกรอกข้อมูล ชื่อบทความ หรือ ชื่อเจ้าของบทความ เพื่อทำตรวจสอบผลหรือสถานะการดำเนินงาน