การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับวิธีสอนสร้างคำจากภาพ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านและการเขียนอย่างมีประสิทธิภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ ศึกษาผลของการนำรูปแบบไปใช้ และประเมินผล โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จากโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ ๕ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 จำนวน 30 คน คัดเลือกโดยวิธีเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยคู่มือการใช้รูปแบบ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินทักษะการอ่านและการเขียน และแบบสอบถามความพึงพอใจ โดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับวิธีสอนสร้างคำจากภาพ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ประกอบด้วยองค์ประกอบ 5 ส่วน ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดการเรียนการสอน ระบบสนับสนุน และการวัดและการประเมินผล ซึ่งมีกระบวนการจัดการเรียนการสอน 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นนำเข้าสู่การอ่าน ขั้นโยงภาพจากการอ่าน ขั้นฝึกกิจกรรมอ่านและเขียน และขั้นประเมินผล โดยผู้ทรงคุณวุฒิประเมินรูปแบบว่ามีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.55) นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการอ่านและการเขียนหลังการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 59.74 และ 57.95 ตามลำดับ มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.44, S.D. = 0.71) ผู้ปกครองที่มีความพึงพอใจต่อพฤติกรรมการอ่านและการเขียนของนักเรียนในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.67, S.D. = 0.84)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
Journal of TCI is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) licence, unless otherwise stated. Please read our Policies page for more information...
เอกสารอ้างอิง
จิราภรณ์ ทองพูล, ปกรณ์ชัย สุพัฒน์, เมธี วิสาพรหม, และจิตติมาภรณ์ สีหะวงษ์. (2562). การพัฒนาสมรรถนะในการอ่านคำควบ กล้ำด้วยการจัดการเรียนรู้ Active Learning รูปแบบ GWM ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนขุมค้าวิทยา สพป.ศก.1. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, 14(1), 3–14.
ทักษิณ คุณพิภาค. (2561). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำภาษาไทยโดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือกับเทคนิคผังความคิดที่ส่งผลต่อทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำ [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์, มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร].
ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 21). สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญชม ศรีสะอาด. (2535). การอ้างอิงประชากรเมื่อใช้เครื่องมือ. วารสารการวัดผลการศึกษา มศว มหาสารคาม, 3(1), 22–25.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น (ฉบับที่ 9). สุวีริยาสาส์น.
พยาว์ โพธิ์อ่อน. (2559). การพัฒนารูปแบบการสอนอ่านเพื่อความเข้าใจในการอ่านภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์, มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์].
พีรภรณ์ บุญสมพร. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Active Learning เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย โดยใช้นิทานพื้นบ้านปักษ์ใต้บ้านเรา [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์, มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย].
พีริยา หาญบำรุงธรรม. (2564). การพัฒนาหนังสือการ์ตูนเออาร์ด้วยเทคนิค PWIM เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านสำหรับนักเรียนประถมศึกษาตอนต้น [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย].
ฟักรียะห์ อาบู. (2561). การพัฒนารูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิด Active Learning เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนภาษาไทย โดยใช้หนังสืออ่านประกอบชุดสระพาเพลินสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 9(2), 344–357.
โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ ๕. (2566). รายงานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3.
Joyce, B. R., & Weil, M. (2009). Models of teaching. Prentice-Hall.
Perkins, X. J., & Bruner, K. (2013). A conceptual paper on the application of the picture word inductive model using Bruner's constructivist view of learning and the cognitive load theory. Interdisciplinary Journal of Teaching and Learning, 3(1), 8–17.