ความพึงพอใจของนักศึกษาและผู้ปกครองต่อมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในสถานศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการเพชรเกษม ปีการศึกษา 2567
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาต่อมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา 2) เพื่อเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจระหว่างนักศึกษาและผู้ปกครองต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการเพชรเกษม จำแนกตามเพศ และการศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 330 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาและผู้ปกครองต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของนักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการเพชรเกษม ซึ่งมีลักษณะเป็นมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม ที่เป็นอิสระต่อกัน (Independent Sample t-Test)
ผลการวิจัยพบว่า 1) นักศึกษามีความพึงพอใจต่อมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการเพชรเกษม ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูง พบว่า ระบบการเฝ้าระวัง ระบบป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และด้านระบบการสนับสนุนจากชุมชนและเครือข่าย ตามลำดับ ส่วนระบบการให้คำปรึกษามีความพึงพอใจน้อยสุด 2) เมื่อพิจารณาตามเพศของผู้ปกครองนักเรียน ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจของนักศึกษาและผู้ปกครองต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของนักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการเพชรเกษม ประกอบด้วย ระบบข้อมูล ระบบป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ระบบเฝ้าระวัง ระบบการสนับสนุน จากชุมชนและเครือข่าย และระบบบริหารจัดการ มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนปัจจัยระบบการให้คำปรึกษาไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 3) เมื่อพิจารณาตามระดับการศึกษาของผู้ปกครองนักเรียน ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจการบริหารงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของฝ่ายกิจการนักศึกษา ประกอบด้วย ระบบข้อมูล ระบบป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ระบบเฝ้าระวัง ระบบการสนับสนุนจากชุมชนและเครือข่าย และระบบบริหารจัดการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนปัจจัยระบบการให้คำปรึกษาไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 4) เมื่อพิจารณาตามอาชีพของผู้ปกครองนักเรียน ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจนักศึกษาและผู้ปกครองต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของนักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการเพชรเกษม ประกอบด้วย ระบบข้อมูล ระบบป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ระบบการให้คำปรึกษา ระบบเฝ้าระวัง และระบบบริหารจัดการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนปัจจัยระบบการสนับสนุนจากชุมชนและเครือข่ายไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
Journal of TCI is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) licence, unless otherwise stated. Please read our Policies page for more information...
เอกสารอ้างอิง
กฤษณะ พานทอง และไพบูลย์ แจ่มพงษ์. (2560). การบริหารกิจการนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 38 จังหวัดระนอง. ใน การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 8 (น. 179-188). มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). สุวีริยาสาส์น.
พุทธิพร พงศ์นันทกุลกิจ. (2561). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันการใช้ยาเสพติดในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยบูรพา.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์.
วรรณวิมล จงจรวย. (2562). พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากยาเสพติดของนักศึกษาสาขาวิชาบริหารธุรกิจและบัญชี สถาบันอาชีวศึกษา [รายงานการวิจัย]. มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์.
สำนักนายกรัฐมนตรี. (2554). คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 154/2554 เรื่องยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด.
สรวิชญ์ เหล่าดรุณ. (2561). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมป้องกันการใช้สารเสพติดในนักเรียนโรงเรียนขยายโอกาส [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยบูรพา.
สุวพันธุ์ คะโยธา และวุธิพงศ์ ภักดีกุล. (2561). ปัจจัยเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดและปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันยาเสพติดของเยาวชนในโรงเรียนมัธยมศึกษา เขตเทศบาลนครสกลนคร. วารสารโรงพยาบาลสกลนคร, 21(3), 84–95.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. EDUCATIONAL AND PSYCHOLOGICAL MEASUREMENT, 30(3), 607–610. https://doi.org/10.1177/001316447003000308
United Nations Office on Drugs and Crime. (2017). WORLD DRUG REPORT 2017 (United Nations Publication). https://www.unodc.org/wdr2017/field/Booklet_1_EXSUM.pdf