ศึกษาแนวโน้มและวิเคราะห์ผลงานกราฟฟิตี้ในช่วงเวลาปี พ.ศ. 2566-2567 ของศิลปินไทย

บทคัดย่อ

          งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจแนวโน้มและวิเคราะห์รูปแบบสไตล์ผลงานกราฟฟิตี้ที่เกิดขึ้นของศิลปินไทยในช่วง พ.ศ. 2566-2567 โดยมีวิธีการเก็บผลงานของ ศิลปินกราฟฟิตี้ชาวไทย จำนวนไม่น้อยกว่า 300 ผลงาน และสัมภาษณ์ศิลปิน จำนวนไม่น้อยกว่า 10 คน เพื่อสอบถามข้อมูลและขั้นตอนการทำงานของศิลปิน โดยทำการคัดเลือกการสุ่มแบบไม่เจาะจงกลุ่มตัวอย่าง โดยผลการศึกษาพบว่าแนวโน้มรูปแบบผลงานกราฟฟิตี้มี 4 รูปแบบคือ 1) แบบตัวอักษรที่พ่นมีมิติลึกหนา 2) แบบพ่นบนกระดาษฉลุ 3) แบบรูปภาพการตูนหรือตัวละคร และสุดท้าย4) เป็นแบบรูปภาพแฝงการสะท้อนมุมมอง โดยจำนวนที่มีมากที่สุดจากการสำรวจคือ อันดับหนึ่งเป็นแบบตัวอักษรที่พ่นมีมิติลึกหนา และอันดับสองเป็นแบบรูปภาพการตูนหรือตัวละคร และอันดับสามเป็นแบบรูปภาพแฝงการสะท้อนมุมมอง และสุดท้ายคือแบบพ่นบนกระดาษฉลุ ส่วนขั้นตอนการทำงานสร้างสรรค์ของศิลปิน
กราฟฟิตี้จะเริ่มต้นจากขั้นการวางแผนและออกแบบ และขั้นที่สองคือการเตรียมพื้นผิว และขั้นที่สามคือขั้นการเตรียมเครื่องมือและวัสดุ ขั้นที่สี่คือขั้นการลงมือทำงานและขั้นตอนสุดท้ายคิือขั้นตอนการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลงาน และประเด็นเรื่องการใช้สีของศิลปินกราฟฟิตี้ สีที่นิยมใช้มากที่สุดอันดับที่ 1 คือสีดำ รองลงมาคือสีแดง และอันดับสามคือสีน้ำเงินตามลำดับ และประเด็นเรื่องสถานที่สร้างสรรค์ผลงานกราฟฟิตี้อันดับหนึ่งคือ กำแพงสาธารณะ อันดับสองคือ อาคารร้าง และอันดับสามคือ สะพานลอยและใต้สะพานตามลำดับ และประเด็นเรื่องราวในผลงานกราฟฟิตี้อันดับแรกคือ ข้อความสื่อสารประเด็นสังคมและการเมือง อันดับสองคือ วัฒนธรรมป๊อปและไอคอน อันดับสามคือความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัวเรียงตามลำดับ และประเด็นเรื่องข้อความที่ใช้ในผลงานกราฟฟิตี้อันดับแรก คือการใช้ชื่อหรือนามแฝงของศิลปิน อันดับสองคือ คำคมและวลีสั้น บทกลอน หรือ บทกวี อันดับสามคือ ข้อความเชิงบวกและแรงบันดาลใจเรียงตามลำดับ และประเด็นเรื่องสัตว์ที่นิยมมาสร้างเป็นตัวการ์ตูนหรือตัวละคร อันดับแรกคือ นกนิยมนำมาสร้างเป็นตัวละครมากที่สุด รองลงมาคือ สุนัขและแมว ตามลำดับ และประเด็นสุดท้ายคือเรื่องช่วงเวลาที่นิยมในการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินกราฟฟิตี้มากที่สุด
คือช่วงกลางคืนถึงเช้ามืด รองลงมาคือช่วงเย็น ซึ่งโดยมากศิลปินจะหาเวลาที่ไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่านเพื่อการทำงานได้สะดวกมากขึ้น