การศึกษาเปรียบเทียบระดับความเครียดระหว่างบุคคลที่มีประวัติติดเชื้อและไม่มีประวัติติดเชื้อโคโรนาไวรัส ในนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาเปรียบเทียบระดับความเครียดระหว่างบุคคลที่มีประวัติติดเชื้อและไม่มีประวัติติดเชื้อโคโรนาไวรัส ในนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความเครียดและศึกษาเปรียบเทียบระดับความเครียดระหว่างบุคคลที่มีประวัติติดเชื้อ และไม่มีประวัติติดเชื้อโคโรนาไวรัส การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นิสิตคณะพยาบาลศาสตร์ บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่มีประวัติติดเชื้อ และไม่มีประวัติติดเชื้อโคโรนาไวรัส โดยคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้การคำนวณขนาดตัวอย่างเพื่อทดสอบสมมติฐานความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของประชากร 2 กลุ่ม ที่เป็นอิสระต่อกัน ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นกลุ่มละ 100 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบเเบ่งชั้นภูมิ ผลการวิจัยพบว่า บุคคลที่มีประวัติติดเชื้อโคโรนาไวรัส มีระดับความเครียดอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 45.92 ส่วนบุคคลที่ไม่มีประวัติติดเชื้อโคโรนาไวรัส มีระดับความเครียดอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกัน คิดเป็นร้อยละ 43.92 เมื่อศึกษาเปรียบเทียบความเครียดระหว่างบุคคลที่มีประวัติติดเชื้อ และไม่มีประวัติติดเชื้อโคโรนาไวรัส ในนิสิตคณะพยาบาลศาสตร์บุรีรัมย์มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น พบว่าไม่แตกต่างกัน
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
กรมควบคุมโรค. (2565). COVID-19(EOC-DDC Thailand). โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2565 จาก: http://ddcportal.ddc.moph.go.th.
กมลวรรณ พลรักดี. (2565). ความเครียดและการจัดการความเครียดจากการเรียนออนไลน์ในสถานการณ์โควิด-19 ของนิสิตสาขาดนตรีศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. วารสารการวัดผลการศึกษา. 39(105), 298-307.
กฤชกันทร สุวรรณพันธุ์, เสาวลักษณ์ ศรีดาเกษ, ลำพึง วอนอก, สุพัฒน์ อาสนะ, วรรณศรี แววงาม, กุลธิดา สวัสดิ์ และภานุชนาถ อ่อนไกล. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเครียดต่อการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของนักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 14(2), 138-148.
เกศราภรณ์ ชูพัน, พนิดา พาลี. (2565). ความเครียดและพฤติกรรมการดูแลตนเองของนักศึกษาพยาบาลในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ. 28(1), 104-116.
ขันชัย ขันทะชา. (2565). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเครียดของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดนครพนม ในสถานการณ์การระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ. 15(2), 285-299.
นุชนาฎ รักษี, กนกพร ดอนเจดีย์, นันทนัช สงศิริ, วินันดา ดีสวัสดิ์, สาลินี จันทร์เจริญ และอารี อยู่ภู่. (2564). การศึกษาความเครียด ความวิตกกังวล และสัมพันธภาพในครอบครัวของประชาชนไทยภายหลัง สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกแรก. วารสารคุณภาพชีวิตกับกฎหมาย. 17(1), 94-108.
ศุภวิชย์ บุญดีสกุลโชค, ศรัณย์ วีรเมธาชัย และธนกมณ ลีศรี. (2565). ความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะ เครียดและภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโควิด 19 ณ โรงพยาบาลสนาม เครือข่ายโรงพยาบาลสระบุรี. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9. 16(2), 367-379.
สาดี แฮมิลตัน, จรูญศรี มีหนองหว้า และอรุณศรี ผลเพิ่ม. (2565). ความเครียดและการจัดการความเครียดของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์. 10(5), 1926-1941.
อรอุมา รัตนบรรณกิจ. (2564). ผลกระทบทางด้านสุขภาพจิตจากวิกฤตการระบาดของโรคอุบัติ ใหม่โควิด-19.สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2565 จาก: https://www.senate.go.th/document/Ext26534/26534832_0002. PDF.
เอกลักษณ์ แสนศิริรักษ์ และสิรินรัตน์ แสนศิริรักษ์. (2563). ความเครียดและอารมณ์เศร้าของบุคลากรทางการแพทย์ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย. 65(4), 400-408.