การมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามแนววิถีธรรมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลบึงนคร อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด Participation in Community Development According to People’s Morality in Beuang Nakorn Subdistrict Administrative OrganizationThawatburi District, Roi Et Province
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามแนววิถีธรรมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลบึงนคร อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างหลักสาราณียธรรมกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามแนววิถีธรรมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลบึงนคร อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบูรณาการหลักสาราณียธรรมเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามแนววิถีธรรมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลบึงนคร อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ดำเนินการวิจัยด้วยระเบียบวิธีการวิจัยแบบผสานวิธี เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 308 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา โดยการวิเคราะห์ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานใช้การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 10 รูป/คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบทและสังเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า
- 1. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามแนววิถีธรรมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลบึงนคร อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด พบว่า ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามแนววิถีธรรม โดยรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับมาก
- 2. การบูรณาการหลักสาราณียธรรม 6 เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามแนววิถีธรรมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลบึงนคร อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด พบว่า ประชาชนเห็นด้วยกับการประยุกต์หลักสาราณียธรรม 6 เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนตามแนววิถีธรรมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลบึงนคร อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
- 3. หลักสาราณียธรรม 6 กับหลักการมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนตามแนววิถีธรรมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลบึงนคร อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด โดยภาพรวมมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับสูง (R=.824**)
4. แนวทางการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลบึงนคร อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งจำแนกเป็นปัจจัยหลักสาราณียธรรม 6 ด้าน คือ 1) เมตตามโนกรรม เป็นความคิดที่ดี มองโลกในแง่ดีมีความปรารถนาดีต่อกัน รักและเมตตาต่อกัน คิดแต่เรื่องที่สร้างสรรค์ให้กัน ไม่มีความหึงหวง ไม่มีอคนติ ให้โอกาสซึ่งกันและกันและให้อภัยซึ่งกันและกันเสมอ 2) เมตตาวจีกรรม พูดแต่สิ่งที่ดี พูดด้วยเจตนาที่เป็นความหวังดี พูดให้กำลังใจ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดซ้ำเติมบั่นทอนกำลังใจ ไม่นินทางใส่ร้ายทั้งต่อหน้าและลับหลัง พูดคำแนะนำที่ดีและมีประโยชน์ ไม่โกหกหลอกลวง 3) เมตตากายกรรม ทำดีต่อกัน ช่วยเหลือกันทางกายด้วยความนอบน้อม รู้จักให้เกียรติ ไม่เบียดเบียนหรือรังแกกัน ไม่ทำร้ายกันให้ทนทุกข์ ทำสิ่งที่ถูกต้องตลอดเวลา 4) สาธารณโภคี แบ่งปันประโยชน์ร่วมกันด้วยความเป็นธรรมแม้สิ่งนั้นได้มาเพียงเล็กน้อยแต่แจกจ่ายเพื่อร่วมบริโภค แบ่งปันความสุขร่วมกัน 5) สีลสามัญยุตา ประพฤติในสุจริตความดีอย่างสม่ำเสมอ ประพฤติตนมีระเบียบวินัยเหมือนผู้อื่น ไม่ประฤติในทางที่แตกแยกจนถูกผู้อื่นรังควานหรือดูถูกหมู่คณะ 6) ทิฏฐิสามัญยุตา เคารพในความคิดเห็นของผู้อื่น ยึดมั่นในหลักความดีมีเหตุผลเป็นอุดมคติอย่างต่อเนื่อง กับหลักการมีส่วนร่วม 4 ประการ ประกอบด้วย 1) การมีส่วนร่วมตัดสินใจ 2) การมีส่วนร่วมดำเนินงาน 3) การมีส่วนร่วมรับผลประโยชน์ และ 4) การมีส่วนร่วมตรวจสอบและประเมินผล
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
กีรติ กมลประเทืองกร. (2559). การจัดการชุมชน ชุมชมเข็มแข็ง วิถีพุทธ.วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์, 12(3),94-107
อุทัย ดุลยเกษม และอรศรี งามวิทยาพงศ์. (2540).ระบบการศึกษากับชุมชน : กรอบความคิดและข้อเสนอเพื่อการวิจัย.กรุงเทพมหานคร : แปลนพริ้นติ้ง.
ไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร.(2543).วาทกรรมการพัฒนา: อำนาจ ความรู้ ความจริง เอกลักษณ์ และความเป็นอื่น.พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์วิภาษา.
ประกอบ กรรณสูตร.(2542).สถิติเพื่อการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร, พิมพครั้งที่ 3.กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทฑาการพิมพ์.