แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เพื่อการจัดการเรียนรู้ตามหลักอิทธิบาท 4 ของครูสังกัดกองการศึกษา จังหวัดสระบุรี Achievement Motivation for Learning Management According to Iddhibaht Principle 4 of Teachers under the Division of Education Saraburi Province
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เพื่อการจัดการเรียนรู้ตามหลักอิทธิบาท 4 2) เพื่อเปรียบเทียบแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เพื่อการจัดการเรียนรู้ตามหลักอิทธิบาท 4 3) เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการจัดการเรียนรู้ตามหลักอิทธิบาท 4 ของครูสังกัดกองการศึกษา จังหวัดสระบุรี เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ครูสังกัดกองการศึกษา จังหวัดสระบุรี จำนวน 400 คน ผู้ให้ข้อมูล คือ ครูสังกัดกองการศึกษา จังหวัดสระบุรี จำนวน 7 คน ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 6 รูป/คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 13 รูป/คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลวิจัยพบว่า 1) ระดับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เพื่อการจัดการเรียนรู้ตามหลักอิทธิบาท 4 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ความใส่ใจส่วนตัว ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด อยู่ในระดับมาก ได้แก่ การทำงาน 2) เพศ อายุ และระดับการศึกษามีระดับแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เพื่อการจัดการเรียนรู้ ตามหลักอิทธิบาท 4 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติอยู่ที่ระดับ 0.01 3) แนวทางการส่งเสริมแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เพื่อจัดการเรียนรู้ตามหลักอิทธิบาท 4 ของครูสังกัดกองการศึกษา จังหวัดสระบุรี ได้แก่ ฉันทะ (ความพอใจ) คือ ต้องสร้างทัศนคติให้มีความพอใจในเทคโนโลยี วิริยะ (ความมุ่งมั่น) คือ ต้องพยามเรียนรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จิตติ (ความตั้งใจ) คือ ต้องใฝ่ศึกษาพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยี วิมังสา (การพิจารณา ปรับปรุง พัฒนา) คือ ควรพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ หัดไปทีละโปรแกรมจนคล่อง เลือกโปรแกรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
ธีราลักษณ์ ธีรวัจณนาภา.(2561).ปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้คอมพิวเตอร์ ด้านการจัดการเรียนการสอนและด้านการพัฒนาสื่อการสอนของบุคลากรครูในโรงเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานเอกชน จังหวัดนนทบุรี.การค้นคว้าอิสระวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
นพมาศ เสียมไหม.(2560). ศึกษาการยอมรับในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (e – government) (G๒E) ของข้าราชการในระดับปฏิบัติการกรณีศึกษา สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทยกับสำนักปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร.การค้นคว้าอิสระวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
บุญชม ศรีสะอาด.(2555).การวิจัยเบื้องต้น.พิมพ์ครั้งที่ 7.กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาส์น.
พิสณุ ฟองศรี.(2549).วิจัยทางการศึกษา.พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์เทียมฝ่ายการ พิมพ์.
ศรี วงศ์รัตนะ.(2549). เทคนิคการเขียนเค้าโครงการวิจัย: แนวทางสู่ความสำเร็จ. นนทบุรี: บริษัทไทย เนรมิตอินเตอร์โปรเกรสซีฟ จำกัด.
สุวารินทร์ จันทร์เพชร.(2566).ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการพัฒนาการเรียนการสอนของครูในโรงเรียนโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่ง โรงเรียนในฝันเขตตรวจราชการที่ 6.การค้นคว้าอิสระวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อภิรา นิลรัตน ณ อยุธยา.(2563).ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับระบบสารสนเทศของข้าราชการสังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด.การค้นคว้าอิสระวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Lee J. Cronbach.(1974). Essential of Psychological Testing, 3nd ed., New York: Harper & Row Publishers.
J. Ritchie and J. Lewis.(2003)., Qualitative Research Practice. London: Sage.