แนวทางการพัฒนาการทำงานเป็นทีมของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3 The Development Guidelines for Teamwork of Teacher under the Maha Sarakham Primary Education Service Area Office 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นการทำงานเป็นทีมของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3 และ 2) ศึกษาแนวทางการพัฒนาการทำงานเป็นทีมของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3 การวิจัย แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 278 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 77 คน และ ครู จำนวน 201 คน เครื่องมือการวิจัย คือ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .87 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ ระยะที่ 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ สถานศึกษาดูงานการปฏิบัติที่เป็นเลิศ จำนวน 3 แห่ง และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาจากการสัมภาษณ์
ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพปัจจุบันโดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ความต้องการจำเป็นเรียงลำดับค่าความต้องการจำเป็นจากมากไปน้อย ดังนี้ 1) การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ 2) การมีมนุษยสัมพันธ์ 3) การสร้างความไว้วางใจ และ 4) การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน 2) แนวทางการพัฒนาสมรรถนะด้านการทำงานเป็นทีมของครู ประกอบด้วย 7 แนวทาง ได้แก่ 1) พัฒนาทักษะการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ 2) พัฒนาทักษะการถ่ายทอดข้อมูลผ่านระบบเทคโนโลยีดิจิทัล 3) ส่งเสริมการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบุคคล 4) การเคารพ ยกย่องและให้เกียรติผู้อื่น 5) การสร้างความเชื่อถือศรัทธาและไว้วางใจในการปฏิบัติงาน 6) การปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานและผู้อื่นด้วยความจริงใจ และ 7) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายของสถานศึกษา
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล. (2563). การสร้างทีมให้มีประสิทธิภาพ. สืบค้นเมื่อ 2 มีนาคม 2566 จาก https://www2.si.mahidol.ac.th/km/Knowledgeassets/kmexperience/kmarticle/15325/.
จรีพร โชติพิบูลย์ทรัพย์. (2560). มนุษยสัมพันธ์ในการทำงานเป็นทีมและการสร้างเครือข่าย. กรุงเทพฯ :สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.).
ณรงค์วิทย์ แสนทอง. (2557). การบริหารงานทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่ ภาคปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : เอช อาร์ เซ็นเตอร์.
ทองทิพภา วิริยะพันธ์. (2554). การบริหารทีมงานและการแก้ปัญหา = Team management & problem solving. กรุงเทพฯ : สหธรรมิก.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ประโยชน์ คล้ายลักษณ์. (2556). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะด้านการทำงานเป็นทีมของบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา ภาควิชาบริหารและพัฒนาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. พิษณุโลก : มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ลำเทียน เผ้าอาจ. (2559). การทำงานเป็นทีมของข้าราชการครูในโรงเรียนขยายโอกาส อำเภอเมืองตราดสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์.ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
วิชชาภา เกาะเต้น. (2563). ผลกระทบของการทำงานเป็นทีม ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและการรับรู้การสนับสนุนจากองค์การที่ส่งผลต่อความผูกพันและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานบริษัทโตโยต้านครธน จำกัด. วิทยานิพนธ์หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. นครปฐม : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สุวิมล ว่องวาณิช. (2558). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์. (2550). ภาวะผู้นำ. ในประมวลสาระวิชาชุดทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3. (2565). แผนพัฒนาการศึกษาระยะ 4 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2565-2568. มหาสารคาม : กลุ่มนโยบยและแผน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 3.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. (2560). การสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพ. นนทบุรี : สำนักงาน ก.พ.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). แนวทางการดำเนินงานโรงเรียนมาตรฐานสากล. กรุงเทพฯ: สำนักมัธยมศึกษาตอนปลาย.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2561). คู่มือประกอบการอบรมการขับเคลื่อนกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพสู่สถานศึกษา.กรุงเทพฯ : จามจุรีโปรดักส์.
อรพรรณ คิอินธิ. (2562). การพัฒนาแนวทางการทำงานเป็นทีมของครูสำหรับสถานศึกษาสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 21. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาการศึกษา. มหาสารคาม : คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
อธิป จันทร์สุริย์. (2563). อิทธิพลของความไว้วางใจต่อประสิทธิผลของการทำงานเป็นทีมในธุรกิจบริการ.วารสารเกษมบัณฑิต,21(1), 1–12.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), p. 607-610.