ปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระผิดซ้ำของผู้ต้องขังหญิงเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม Factors affecting recidivism among female inmates in Maha Sarakham Provincial Prison
Main Article Content
บทคัดย่อ
การกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำเป็นหนึ่งในปัญหาที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของสังคมและระบบยุติธรรมของประเทศ ทำให้ผู้ต้องขังเสียโอกาสในการกลับเข้าสู่สังคมอย่างเป็นปกติ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังหญิงเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม 2) เพื่อปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังหญิงเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม และ 3) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังหญิงจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ต้องขังหญิงเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 254 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณเชิงเส้นตรง ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังหญิงเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังหญิงเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม ได้แก่ ปัจจัยสังคมและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยเศรษฐกิจ ปัจจัยการเมือง ปัจจัยจิตวิทยา โดยปัจจัยทั้ง 4 ตัวแปร สามารถทำนายการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังหญิงเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม ได้อย่างถูกต้องร้อยละ 58 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังหญิงจังหวัดมหาสารคาม สรุปได้ดังนี้ 3.1) ส่งเสริมโอกาสในการทำงาน ควรมีการประสานงานกับผู้ประกอบการเอกชนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษสามารถเข้าทำงานได้ ลดอุปสรรคในการกลับเข้าสู่สังคมและป้องกันการกระทำผิดซ้ำ 3.2) เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ควรส่งเสริมกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัวเพื่อสร้างความอบอุ่นและความผูกพัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดโอกาสการกลับไปกระทำผิด 3.3) สร้างทัศนคติที่เปิดกว้างในสังคม ควรส่งเสริมให้สังคมเปิดโอกาสและยอมรับผู้ที่เคยต้องโทษจำคุก ให้พวกเขาสามารถกลับเข้าสู่การทำงานและใช้ชีวิตอย่างปกติ 3.4) การมีส่วนร่วมของผู้นำชุมชน ผู้นำชุมชนควรมีบทบาทในการเข้าถึงลูกบ้าน เพื่อรับรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของแต่ละครอบครัวและสามารถให้ความช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กรมราชทัณฑ์. (2561). สถิติผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ. สืบค้นเมื่อ 4 มิถุนายน 2567 จาก http://www.correct.go.th/stat102/display/result.php?date=2018-03-01&Submit=ตกลง.
กรมราชทัณฑ์. (2563). รายงานสถิติผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ. สืบค้นเมื่อ 4 มิถุนายน 2567 จาก http://www.correct.go.th/rt103pdf/report_result.php?date=2020-07.
ฉัตรกุล พงษ์ธรรม. (2556). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์. วิทยานิพนธ์ ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต.กรุงเทพมหานคร:สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
ชวลิต กลิ่นแข. (2563). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการกระทำผิดซ้ำของผู้ต้องขังในเรือนจำของจังหวัดแม่ฮ่องสอน. วารสารวิชาการสถาบันวิทยาการจัดการแห่งแปซิฟิค, 6(3), 253–261.
ทรรศพล ขุนรัง. (2556). สาเหตุการกระทำผิดซ้ำคดีเกี่ยวกับทรัพย์: ศึกษาเฉพาะกรณีความผิดฐานลัก ทรัพย์นักโทษเด็ดขาดฝ่ายควบคุมแดน 8 เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร.วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐ ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต.กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกริก.
บุรฉัตร จันทร์แดง. (2562). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมเสี่ยงต่อยาเสพติดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในเขต พื้นที่ตะเข็บชายแดนลุ่มน้ำโขง. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, 14(3), 424–428.
ภานุวัฒน์ มีเพียร, บุญเหลือ บุบผามาลา. (2565). ปัจจัยที่ทำให้มีการกระทำผิดซ้ำในคดียาเสพติดของ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางอุดรธานี. Journal of Roi Kaensarn Academi, 7(3), 17–32.
เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม. (2566). รายงานประจำปี 2566. มหาสารคาม: เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม.
Arditti, J. A., & Few, A. L. (2006). Mothers’ reentry into family life following incarceration. Criminal Justice Policy Review, 17(1), 103–123. https://doi.org/10.1177/0887403405282450.
Brown, M., & Bloom, B. (2009). Reentry and renegotiating motherhood: Maternal identity and success on parole. Crime & Delinquency, 55(2), 313–336. https://doi.org/10.1177/0011128708330627.
Covington, S. S. (2007). The relational theory of women’s psychological development: Implications for the criminal justice system. Women & Therapy, 29(3–4), 9–33. https://doi.org/10.1300/J015v29n03_02.
Folk, J. B., & Volkow, N. D. (2019). Economic barriers to successful female re-entry: Employment as a protective factor against recidivism. Journal of Criminal Justice and Behavior, 46(5), 625–640. https://doi.org/10.1177/0093854819830981.
Gilbert, P. A., & Mitchell, M. M. (2020). Social influences on recidivism: The impact of peer associations on female re-entry outcomes. Criminal Justice Review, 45(3), 354–371. https://doi.org/10.1177/0734016820907764.
Likert, R. (1967). The method of constructing an attitude scale. In Attitude theory and measurement (pp. 90–95). New York: Wiley & Sons.
Mancini, C., & Mears, D. P. (2010). To execute or not: A question of cost? A reexamination of the cost issue surrounding the death penalty. Journal of Criminal Justice, 38(6), 1104– 1116. https://doi.org/10.1016/j.jcrimjus.2010.08.001.
Opsal, T. (2012). “Livin' on the straights”: Identity, desistance, and work among women post- incarceration. Sociology Quarterly, 53(1), 17–39. https://doi.org/10.1111/j.1533- 8525.2011.01222.x.
Petteruti, A. (2015). The female factor: Women, re-entry, and recidivism. Justice Policy Institute. https://justicepolicy.org/research/the-female-factor/.
Tripodi, S. J., Kim, J. S., & Bender, K. (2010). Is employment associated with reduced recidivism? The complex relationship between employment and crime. International Journal of Offender Therapy and Comparative Criminology, 54(5), 706–720. https://doi.org/10.1177/0306624X09342980.
Yamane, T. (1973). Statistics: An introductory analysis (3rd ed.). New York: Harper & Row.