บทบาทของกฎหมายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์: กรณีศึกษาอุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาความสำคัญของมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และหลักการของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจกับกรอบกฎหมายและวิธีการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังศึกษาปัญหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อค้นหาวิธีการปรับปรุงและพัฒนาได้
การศึกษาผลกระทบจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอุทยานแห่งชาติและพื้นที่อนุรักษ์พบว่า หากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม การพัฒนาอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การทำลายที่อยู่อาศัยของสัตว์และมลพิษจากกิจกรรมท่องเที่ยว โดยประเด็นสำคัญที่ควรแก้ไขได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งยังมีปัญหาทำให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง การใช้เทคโนโลยีทันสมัยและการมีส่วนร่วมของชุมชนสามารถเสริมประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายได้ การขาดกลไกการมีส่วนร่วมของชุมชนในการตัดสินใจและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเพื่อเพิ่มความรับผิดชอบในการอนุรักษ์ นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต้องได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้เทคโนโลยีในการเฝ้าระวังและการร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นจะช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ การปรับปรุงกฎหมายและการใช้เทคโนโลยีในการเฝ้าระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ข้อเสนอแนะจากการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ การเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการเฝ้าระวัง การเพิ่มงบประมาณในการพัฒนาอุปกรณ์และเครื่องมือ การปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า. (28 กุมภาพันธ์ 2535). ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109 ตอนที่ 15. เข้าถึงได้จาก สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี: https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2535/A/015/1.PDF
พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ. (29 พฤษภาคม 2562). ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 136 ตอนที่ 107ก. เข้าถึงได้จาก สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี: https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/17082731.pdf
Chan, S. (2017). Conservation and Ecotourism in Thailand: Case Study of Khao Si Phak Chon National Park.
European Union Habitats Directive. (1992). European Union. เข้าถึงได้จาก https://ec.europa.eu/environment/nature/legislation/habitatsdirective/index_en.htm
Honey, M. (2008). Ecotourism and Sustainable Development: Who Owns Paradise? Australia: Island Press.
Miller, G. (2016). Tourism and Sustainability: Principles to Practice.
Mowforth, M., & Munt, I. (2009). Tourism and Sustainability: Development, Globalisation and New Tourism in the Third World. London and New York: Routledge Taylor & Francis Group.
National Parks and Wildlife Act. (1974). Heritage. Retrieved from Australian Government: https://www.environment.gov.au/heritage
Roe, D. (2001). The Role of Ecotourism in Sustainable Development.
Simmons, D. (1994). Community Participation in Tourism Planning and Development. ScienceDirect, 15(2), 98-108.
The National Environmental Policy Act. (1969). Summary of the National Environmental Policy Act. Retrieved from U.S. Congress: https://www.epa.gov/laws-regulations/summary-national-environmental-policy-act
The National Trust Act. (1970). Her Majesty’s Government. Retrieved from United Kingdom: https://www.nationaltrust.org.uk
The Wilderness Act. (1964). What is Wilderness Connect? Retrieved from U.S. Congress: https://www.wilderness.net
Wildlife Protection Act. (1972). Government of India. Retrieved from https://www.indiacode.nic.in