การทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน : คอร์รัปชันสีเทา

Main Article Content

วิชา มหาคุณ

บทคัดย่อ

         การทุจริตคอร์รัปชัน เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในรูปแบบหนึ่งที่มีความร้ายแรงและกัดกร่อนทำลายความเจริญของสังคมที่มีความยากต่อการติดตาม ตรวจสอบ จับกุม และดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด ทั้งยังเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลายาวนาน โดยอาจแบ่งรูปแบบของการคอร์รัปชันออกได้เป็น 3 รูปแบบที่สำคัญอันได้แก่ 1) การคอร์รัปชั่นสีดำ 2) การคอร์รัปชันสีเทา และ 3) การคอร์รัปชันสีขาว ซึ่งการคอร์รัปชันสีเทาถือเป็นการคอร์รัปชันที่ยังไม่สามารถกำหนดให้ความหมายรวมถึงลักษณะของการคอร์รัปชันในลักษณะดังกล่าวได้อย่างแน่ชัด เพราะแม้ว่าจะเป็นการทำในสิ่งที่สังคมยอมรับไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันตัวผู้กระทำกลับไม่ถูกตำหนิใดๆ จากสังคม เนื่องเพราะสามารถพบเห็นการกระทำดังกล่าวได้เป็นการทั่วไป โดยเฉพาะในเรื่องของการกำหนดนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ ที่ในบางครั้งก็เป็นการยากต่อการที่จะชัดให้ชัดลงไปได้ว่าเป็นการกำหนดนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่สาธารณชน หรือ เป็นการกำหนดนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งในทางทุจริต โดยอาศัยโอกาสจากการที่ตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐผู้ที่มีโอกาส    หรือมีอำนาจในการกำหนดนโยบายต่างๆ


         บทความฉบับนี้ได้มีข้อเสนอแนะในการสร้างองค์ความรู้เพื่อเผยแพร่ และเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักให้แก่สาธารณชนได้เห็นถึงภัยอันตรายที่เกิดขึ้นจากการคอร์รัปชันสีเทา รวมถึงการสร้างค่านิยมในการไม่ยอมรับการทุจริตคอร์รัปชันไม่ว่าจะเกิดขึ้นในระดับใด รวมถึงควรมีแนวทางในการสร้างความร่วมมือกับภาคประชาชนในการติดตามและตรวจสอบปัญหาการทุจริต เพื่อสร้างเครือข่ายในการตรวจสอบการทุจริตที่มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
มหาคุณ ว. (2022). การทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน : คอร์รัปชันสีเทา. วารสารกฎหมายและสังคมรังสิต, 1(2), 1–13. สืบค้น จาก https://so07.tci-thaijo.org/index.php/RJL/article/view/481
ประเภทบทความ
บทความวิชาการ

เอกสารอ้างอิง

กิติพัฒน์ นนทปัทมะดุล. (2558). การศึกษาระบบอุปถัมภ์กับปัญหาสังคมไทย: การประยุกต์ใช้ของนักสังคมสงเคราะห์วิชาชีพ. วารสารสังคมสงเคราะห์ศาสตร์, 23(1), 177-197.

คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2551). มาตรการการป้องกันการทุจริตแนวใหม่ ศึกษากรณี การทุจริตเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน. กรุงเทพมหานคร: รายงานผลการศึกษาขั้นสุดท้าย เสนอสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.

ต่อสกุล พุทธพักตร์. (2562). ระบบอุปถัมภ์ในคติเห็นแก่เครือญาติกับประสิทธิผลของการทำหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น: กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา. ใน ทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (การเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา). กรุงเทพมหานคร: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.

ปกรณ์ มณีปกรณ์. (2553). อาชญาวิทยาและทัณฑวิทยา. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงทพมหานคร: เอ็ม.ที.เพรส.

พชรดนัย วัชรธนพัฒน์ธาดา. (2562). ปัจจัยที่มีผลต่อการคอร์รัปชันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย, 12(2), 37-54.

วีระพงษ์ บุญโญภาส และ สุพัตรา แผนวิชิต. (2557). อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพมหานคร: นิติธรรม.

อัจฉรียา ชูตินันท์. (2555). อาชญาวิทยาและทัณฑวิทยา. กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน.

Bartol, C. R. & Bartol, A. M. (2011). Criminal Behavior. Retrieved from American Psychological Association: https://psycnet.apa.org/record/2014-16769-008

Heidenheimer, A. (1970). Perspectives on the perception of corruption. USA: Routledge.

Holt, T.J. & Kennedy, J.P. (2019). Technology’s Influence on White‐Collar Offending. In The Handbook of White‐Collar Crime (pp. 449-468). Hoboken, New Jersey: Wiley-Blackwell.

Tibbetts, S.G. (2015). Criminological theory: the essentials. USA: Sage.

United Nations. (2018). The costs of corruption. Retrieved from https://news.un.org/en/story/2018/12/1027971