แนวทางการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

Main Article Content

จักรกฤษณ์ วรวีร์
ศลทร คงหวาน

บทคัดย่อ

         ความรุนแรงต่อเด็กถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งกำหนดให้เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะอยู่รอด เติบโต และได้รับการคุ้มครองจากความรุนแรงทุกรูปแบบ เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความสมบูรณ์ทางร่างกายและจิตใจและการคุ้มครองที่เท่าเทียมกัน การล่วงละเมิดทางเพศเด็กถือเป็นความรุนแรงที่กระทำต่อเด็กซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง เป็นความเสียหายที่เด็กได้รับทั้งในปัจจุบันและอนาคต ถือเป็นปัญหาที่มีความท้าทายในทุกประเทศและทุกสังคม การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กต้องเป็นการคุ้มครองเพื่อประโยชน์ของเด็กอย่างแท้จริง


          บทความทางวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและข้อบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก จากการศึกษาพบว่า ปัญหาการร้องทุกข์ ปัญหาพยานหลักฐานทางกายภาพ ปัญหามาตรฐานของผู้เชี่ยวชาญ ความไม่เท่าเทียมระหว่างผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศกับผู้ถูกกล่าวหา ส่งผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายและการปฏิบัติงานในกระบวนการดำเนินคดีที่เด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้เด็กที่ถูกกระทำไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสมเพื่อประโยชน์ของเด็กอย่างแท้จริง จึงเสนอให้มีกระบวนการคุ้มครองทางการแพทย์เมื่อเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ กระบวนการป้องกันทางสังคม กระบวนการช่วยเหลือและการเยียวยา รวมถึงการแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญาความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศให้สอดคล้องเหมาะสมกับรูปแบบการกระทำความผิดที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในสังคมปัจจุบัน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กสามารถคุ้มครองสิทธิของเด็กผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Article Details

How to Cite
วรวีร์ จ., & คงหวาน ศ. (2022). แนวทางการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก. วารสารกฎหมายและสังคมรังสิต, 2(1), 17–33. สืบค้น จาก https://so07.tci-thaijo.org/index.php/RJL/article/view/495
บท
บทความวิชาการ

References

กุลพล พลวัน. (3 ธันวาคม 2561). “การล่วงเกินทางเพศ” ความผิดใหม่ในกฎหมายและสังคมไทย. เข้าถึงได้จาก Matichon Online : https://www.matichon.co.th/columnists/news_1254173

จิตติมา ทรงมัจฉา และคณะ. (2555). การประเมินการถูกล่วงละเมิดทางเพศในเด็กและวัยรุ่น: วิธีการประเมินตามหลักฐานเชิงประจักษ์. วารสารสภาการพยาบาล, 27(3), 116-126.

ณัฐ ตันศรีสวัสดิ์ และชินวัต สุวรรณทิพย์. (2549). การรับฟังพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์. จุฬาลงกรณ์เวชสาร, 50(11), 765-767.

ธีสุทธิ์ พันธ์ฤทธิ์. (2549). กฎหมายลักษณะพยาน. (พิมพ์ครั้งที่ 2), กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน.

นพ. วรวุฒิ เจริญศิริ. (ม.ป.ป.). เด็กถูกล่วงเกินทางเพศ. เข้าถึงได้จาก ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ: https://www.bangkokhealth.com/articles

ปกป้อง ศรีสนิท. (2562). การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเรื่องเพศ: ความหมายใหม่และโทษใหม่ของการข่มขืนกระทำชำเรา. เข้าถึงได้จาก https://www.the101.world/rape-in-thai-law/

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 24). (2558). ใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 132 ตอนที่ 86 ก (หน้า 84-86). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา.

พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก. (2546). ใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120 ตอนที่ 95 ก (หน้า 1- 29). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา.

พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว. (2553). ใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127 ตอนที่ 72 ก (หน้า 12-73). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา.

ไพโรจน์ วายุภาพ. (2559). ข้อเท็จจริงและการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริง. กรุงเทพมหานคร: กรุงสยาม พับลิชชิ่ง.

ยูนิเซฟ. (23 กรกฎาคม 2018). การคุ้มครองเด็ก. เข้าถึงได้จาก Unicef Thailand: https://www.unicef.org/thailand/th/ภารกิจของยูนิเซฟ/การคุ้มครองเด็ก

อานนท์ จำลองกุล. (2560). การดูแลผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ : ร่างกาย จิตใจ และการเยียวยาทางกฎหมาย. จุฬาลงกรณ์เวชสาร, 61(5), 603 - 618.

Cashmore, J., et al. (2017). The characteristics of reports to the police of child sexual abuse and the likelihood of cases proceeding to prosecution after delays in reporting. Child Abuse and Neglect, 74, 49-61.

Christian, C.W. et al. (2000). Forensic evidence findings in prepubertal victims of sexual assault. Pediatrics, 106(1), 100-104.

Conte, J. R. (2002). Critical Issues in Child Sexual Abuse: Historical, Legal, and Psychological Perspectives. USA: SAGE Publications.

Dias, M. S. et al. (2015). Defining 'reasonable medical certainty' in court: What does it mean to medical experts in child abuse cases? Child abuse & neglect, 50, 218–227.

Faller, K.C. (2003). Understanding and Assessing Child Sexual Maltreatment. USA: SAGA Publications.

Faller, K.C. (2020). The child sexual abuse disclosure controversy: New perspectives on an abiding problem. Child Abuse & Neglect, 99, 1-7.

Fallon Barbara, et al. (2010). Methodological challenges in measuring child maltreatment. Child Abuse & Neglect, 34(1), 70-79.

Giardino, A.P. et al. (2019). A practical guide to the evaluation of child physical abuse and neglect 3rd ed. Heidelberg Germany: Springer.

Harper, J. A. et al. (2003). Examinationfindings in legally confirmed child sexual abuse: It’s normal to be normal. Pediatrics, 94(3), 310–317.

Leserman Jane . (2005). Sexual abuse history: Prevalence,health effects,mediators, and psychological treatment. Psychosom Med, 67(6), 906-915.

London, K. et al. (2008). Review of the contemporary literature on how children report sexual abuse to others: Findings, methodological issues, and implications for forensic interviewers. Memory, 16(1), 29-47.

Runyan, Desmond K. (1998). Prevalence, Risk, Sensitivity, and Specificity: A Commentary on the Epidemiology of Child Sexual Abuse and the Development of a Research Agenda. Child Abuse & Neglect, 22(6), 493-498.

Schaeffer, P. et al. (2011). Children's disclosures of sexual abuse: Learning from direct inquiry. Child Abuse & Neglect, 35(5), 343–352.

Stoltenborgh Marije, et al. (2011). The Prevalence of Child Maltreatment across the Globe: Review of a Series of Meta-Analyses. Child Abuse & Review, 24(1), 37-50.

United Nations. (2015). ASEAN Regional Plan of Action on Elimination of Violence against Children (ASEAN RPA on EVAC). Retrieved from https://violenceagainstchildren.un.org/sites/violenceagainstchildren.un.org/files/document_files/asean_regional_plan_of_action_on_elimination_of_violence_against_children_adopted.pdf

United Nations Human Rights. (1990). Convention on the Rights of the Child. Retrieved from Office of the United Nations High Commissioner for Human Rights (OHCHR): https://www.ohchr.org/EN/ProfessionalInterest/Pages/CRC.aspx

Walsh, W. et al. (2010). Prosecuting child sexual abuse: The importance of evidence type. Crime & Delinquency, 56(3), 436–454.