การเปรียบเทียบสัญญาซื้อขายที่ไม่มีลายลักษณ์อักษรภายใต้ข้อกฎหมายและ ข้อกำหนดการจัดทำเอกสารประกอบการซื้อขายทั่วไปในทางธุรกิจ ในบริบทของภาคธุรกิจการค้า
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิชาการฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นถึงการเปรียบเทียบระหว่างบริบททางกฎหมายที่ได้บัญญัติไว้ ในเรื่องของแบบของสัญญา ตามหลักในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่กำหนดไว้ว่าต้องทำเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษร และที่ไม่จำเป็นต้องทำเป็นสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร กับการปฏิบัติปกติ ในการทำเอกสารประกอบการซื้อขายในทางธุรกิจ ทั้งนี้การจัดทำสัญญาซื้อขายแล้ว โดยเหตุผลในการที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายทำเป็นสัญญาลายลักษณอักษร อาจเป็นเหตุผลของความมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะปฏิบัติตามสาระสำคัญแห่งสัญญาจึงได้ทำเป็นหนังสือ เพื่อเป็นการยืนยันและลดข้อโต้แย้งจากความตกลงหรือการตีความในสาระสำคัญ ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้
อย่างไรก็ดี หลักกฎหมายจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หาไม่กำหนดอย่างเด็ดขาดว่า สัญญาจะต้องทำเป็นหนังสือที่เป็นลายลักษณ์อักษรในทุกสัญญาไม่ ในบางประเภทสัญญา กฎหมายมิได้กำหนดไว้ มีบางลักษณะที่สำคัญ กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะว่าให้ต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร หรือให้ทำเป็นหนังสือสัญญา และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ อาทิ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และหรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ แม้ว่ากฎหมายจะมิได้กำหนดแบบแห่งสัญญาไว้ก็ดี และคู่สัญญามิได้ทำเป็นหนังสือสัญญาต่อกันแล้วไซร้ จะถือว่าสัญญานั้นไม่สมบูรณ์มิได้ ในอีกประเด็นหนึ่งซึ่งเป็นช่องทางที่กฎหมายได้บัญญัติถึงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ในกรณีที่สัญญาได้เกิดขึ้น และแม้มิได้มีการทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ยังคงสิทธิในการฟ้องร้อง บังคับคดีได้ หากปรากฎหลักฐานที่กฎหมายกำหนดไว้
โดยในบทความนี้ จะพิเคราะห์ เชิงเปรียบเทียบเอกสารประกอบอันจำเป็น ที่สำคัญในทางการค้า โดยในบริบทของภาคส่วนธุรกิจที่ได้ใช้เอกสารเหล่านี้ เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบในการซื้อขาย โดยเพื่อผลทางบัญชีประการหนึ่งและเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันความถูกต้องในกระบวนการทางธุรกิจ (Business Transaction) อีกประการหนึ่ง ว่าสามารถเทียบเคียงและมีรูปแบบลักษณะในทางกฎหมาย ในบริบทของข้อกฎหมายเชิงนิติศาสตร์ อย่างไร
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
กิตติศักดิ์ ปรกติ. (2555). หลักสุจริตและเหตุเหนือความคาดหมายในการชำระหนี้. กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน.
คณะวิชาการ Justice Group. (2565). กฎหมายภาษีอากรและประมวลรัษฎากร (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2566). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์พิมพ์อักษร.
มานิตย์ วงศ์เสรี. (2562). นิติวิธีการใช้และการตีความกฎหมาย: ศึกษาเปรียบเทียบระบบกฎหมายไทยและกฎหมายเยอรมัน. กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2542). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรุงเทพมหานคร: อักษรเจริญทัศน์.
วารุณี ตันติวงศ์วาณิช. (2552). ธุรกิจค้าปลีก. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
วิษณุ เครืองาม. (2546). คำบรรยายกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะซื้อขาย เช่าทรัพย์ เช่าซื้อ (เล่ม 3). กรุงเทพมหานคร: สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา.
ศาลฎีกา. (2551). คำพิพากษาฎีกาที่ 7188/2551. เข้าถึงได้จาก https://deka.in.th/view-499848.html
สุเมธ เลิศจิรยพร. (2566). การเรียนรู้วิธีดำเนินธุรกิจนำเข้า ส่งออก ครบวงจร (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุนัย มโนมัยอุดม. (2559). ระบบกฎหมายอังกฤษ (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน.
อมรศักดิ์ พงศ์พศุตม์. (2556). การบัญชีภาษีมูลค่าเพิ่มขั้นสูง: Advance VAT Accounting. กรุงเทพมหานคร: ชวนพิมพ์.
C. Bovée and J. V. Thill. (2009). Business in action (Danuwat Sakrik & Nawapong Tattadilok, Trans.). Bangkok: Pearson Education Indochina.
R. Paul. (2006). Law of contract (5th ed.). Pearson & Longman.
W. F. Ebke and M. W. Finkin. (2008). Introduction to German law. International and Comparative Law Quarterly, 46(2). Retrieved from https://doi.org/10.1017/S0020589300060735