การพัฒนาผู้เรียนโดยการจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ผ่านการเรียนการสอนในรายวิชาคลินิกสอนเผยแพร่กฎหมายในชุมชน
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง, การศึกษากฎหมายเชิงคลินิก, การสอนเผยแพร่กฎหมายในชุมชน, การเรียนการสอนที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. วิเคราะห์ว่าการจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง สามารถส่งเสริมให้นิสิตนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กฎหมายในบริบทของสังคมอย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม 2. วิเคราะห์ว่าการจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง สามารถพัฒนาทักษะทางวิชาชีพกฎหมายของนิสิตได้ 3. วิเคราะห์ว่าการจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง สามารถเสริมสร้างเจตคติที่ดีของนิสิตต่อการเห็นคุณค่าของการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ของสังคมได้
งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนาจากหนังสือ รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ เว็บไซต์ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ รวมถึงบันทึกสะท้อนความคิดซึ่งเป็นงานที่มอบหมายให้นิสิตเขียนและส่งเพื่อให้นิสิตประเมินตนเองและผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้และพัฒนาการของนิสิต
จากการศึกษาพบว่า 1. การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงสามารถส่งเสริมให้นิสิตนำความรู้ด้านกฎหมายและการจัดทำแผนการสอนสำหรับการสอนเผยแพร่กฎหมายในชุมชนที่ได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้กฎหมายได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม 2. การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้นิสิตได้พัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาทางกฎหมาย รวมถึงสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการประยุกต์ใช้เครื่องมือสำหรับการสอนกฎหมายแบบผู้เรียนมีส่วนร่วมในการถ่ายทอดเนื้อหาให้เหมาะสม 3. การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง สามารถเสริมสร้างเจตคติที่ดีของนิสิตต่อการเห็นคุณค่าของการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ของสังคมได้ เพราะนิสิตตระหนักถึงบทบาทของตนเองในฐานะนักกฎหมายเพื่อสังคม ด้วยการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายให้มีประสิทธิภาพอย่างมีความรับผิดชอบต่อสาธารณชน
เอกสารอ้างอิง
เจษฎากร ตันตราจิณ, การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ วิชาทัศนศิลป์ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบประสบการณ์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึษาปีที่ 4, (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน วิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, 2562) หน้า 52.
ทิศนา แขมมณี, ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ, พิมพ์ครั้งที่ 24, (กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2563), หน้า 131.
พรรณรายรัตน์ ศรีไชยรัตน์, การศึกษากฎหมายเชิงคลินิก:ทางเลือกในการปฏิรูปการศึกษากฎหมายไทย. วารสารนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 หน้า 80 (2555).
สุนทร อ่อนฤทธิ์, ผลการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่มีต่อจิตสำนึกทางสังคมของนักศึกษา ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาสังคมศึกษา, (วิทยานิพนธ์หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2566) หน้า 68-69.
อุบลทิพย์ ไชยแสง, ความคิดเห็นต่อการเรียนการสอนด้วยวิธีการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงการศึกษานอกสถานที่ในรายวิชาสุขภาพจิตบุคคล ครอบครัว ชุมชน ของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงสาธารณสุขศาสตร์ (สาธารณสุขชุมชน) วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา, (รายงานการวิจัย วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา, 2553) หน้า 21-23.
Patrick C. Brayer, "A Law Clinic Systems Theory and the Pedagogy of Interaction: Creating a Legal Learning System," CONNECTICUT PUBLIC INTEREST LAW JOURNAL. Vol. 12 p 49-100 (2012).
Ann Marie Cavazos, “The Journey Toward Excellence in Clinical Legal Education: Developing, Utilizing and Evaluating Methodologies for Determining and Assessing the Effectiveness of Student Learning Outcomes,” SOUTHWESTERN LAW REVIEW. Vol. 40 p. 2 (2010).
Neil Gold. Clinic is the Basis for a Complete Legal Education: Quality Assurance, Learning Outcomes and the Clinical Method. สืบค้นวันที่ 1 มิถุนายน 2568, https://www.researchgate.net/publication/314550759_Clinic_is_the_Basis_for_a_Complete_Legal_Education_Quality_Assurance_Learning_Outcomes_and_the_Clinical_Method/fulltext/58c79fb3a6fdcc550ca75fb0/Clinic-is-the-Basis-for-a-Complete-Legal-Education-Quality-Assurance-Learning-Outcomes-and-the-Clinical-Method.pdf
David McQuoid-Mason, "Street Law as a Clinical Program: The South African Experience with Particular Reference to the University of KwaZulu-Natal." Griffith Law Review 17, no. 1 (2008): 27-51.