ปัจจัยแรงจูงใจที่ส่งผลต่อการติดตามชมฟุตบอลไทยลีกในกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
แรงจูงใจ, กลุ่มคนหน้าใหม่, การติดตาม, ฟุตบอลไทยลีกบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาแรงจูงใจภายในที่ทำให้คนกลุ่มคนหน้าใหม่ในกรุงเทพมหานครเข้ามาติดตามชมฟุตบอลไทยลีก 2) เพื่อศึกษาแรงจูงใจภายนอกที่ทำให้คนกลุ่มคนหน้าใหม่ในกรุงเทพมหานครเข้ามาติดตามชมฟุตบอลไทยลีก กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มประชากรไทยทั้งหมดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบสะดวก เครื่องมือ ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คือ แบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อถือได้เท่ากับ 0.93 วิเคราะห์ข้อมูลโดยด้วยการแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การวิเคราะห์การถดถอยผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยแรงจูงใจที่ส่งผลต่อการติดตามชมฟุตบอลไทยลีกในกรุงเทพมหานคร แรงจูงใจภายในและภายนอก แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แรงจูงใจภายในระดับมากที่สุดได้แก่ การชอบเล่นกีฬาฟุตบอล เป็นกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลินให้กับตนเอง และแรงจูงใจภายนอก ระดับมาก ได้แก่ การติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกเนื่องจากเป็นการมีโอกาสออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือรู้จักเพื่อนใหม่ ๆ และในสนามแข่งขันมีบรรยากาศตื่นเต้น เร้าใจ และเป็นการสนับสนุนนักกีฬาที่เป็นตัวแทนของชุมชน
เอกสารอ้างอิง
กนกนันทร์ สุเชาว์อินทร์, พลพงศ์ พงศ์สุวรรณ, พงศ์พล พงศ์สุวรรณ, วโรดม สินสมศักดิ์, วุฒิชัย ใจทอง, เศรษฐภักค์ ลายสวัสดิกุล, … นรุตม์ธรณ์ มีสูงเนิน. (2564). ผลการสนับสนุนของผู้มีชื่อเสียงต่อความภักดีของผู้ชมต่อสโมสรฟุตบอลอาชีพ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ, 22(3), 320-331.
กมลชนก ชุ่มเชย และฉัตรชัย ฉัตรปุณญกุล. (2565). ปัจจัยด้านแรงจูงใจในการเข้าชมการแข่งขันฟุตบอล. วารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ, 23(3), 63-74.
กะรัต ศรีเมือง. (2561). แรงจูงใจในการเข้าชมเกมส์กีฬาระหว่างแฟนบอลและผู้ชมไทยลีกระดับ 1. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เจตน์จันทร์ เกิดสุข และลัทธสิทธิ์ ทวีสุข. (2562). แรงจูงใจของผู้ชมอีสปอร์ตที่ส่งผลต่อการติดเกม. วารสารนิเทศสยามปริทัศน์, 18(2), 137-152.
ณรงค์ฤทธิ์ นิ่มมาก. (2562). บทบาทการเป็นตัวแปรส่งผ่านของแรงจูงใจของผู้ชมกีฬาที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารการตลาดกับพฤติกรรมการบริโภคกีฬา. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นฤนาถ ไกรนรา และเนติพล เพชรสีนวล. (2562). พฤติกรรมการชมและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ไทยแลนด์ (T1) ของแฟนบอลสโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด. ใน งานประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยรังสิตประจำปี 2562, มหาวิทยาลัยรังสิต, ปทุมธานี.
นิรมล พวงมาลัย และปิยะรัตน์ จันทรยุคล. (2564). แรงจูงใจภายในและภายนอกที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพในการทํางาน แบบ Remote Working ในช่วงการระบาดของ COVID-19. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 13(2), 96–118. เข้าถึงได้จาก https://doi.org/10.53848/irdssru.v13i2.250977
บริษัท ไทยลีก จำกัด. (2564). สรุปยอดผู้เข้าชม ยอดขายบัตรผ่านประตู และยอดขายของที่ระลึกกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพสูงสุดของประเทศไทย (ไทยลีก1) ตั้งแต่ปี 2555-2563. เข้าถึงได้จาก https://www.thaileague.co.th/131.
ปิติกร สุธีรางกูร. (2564). ปัจจัยใดที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมในการรับชมอีสปอร์ต. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.
พงษ์พิทยา สมุทรกลิน และอาชวิทธิ์ เจิงกลิ่นจันทน์. (2563). พฤติกรรมการเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก กรณีศึกษา สโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด. วารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ, 21(3), 379-390.
ลัคนา วัฒนะชีวะกุล. (2559). บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานทางประชากรศาสตร์ (เอกสารคําสอน สต 316 ประชากรศาสตร์). เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
ศรัณยู ยงพานิช และปิยะรัตน์ เหรียญปรีชา. (2562). การบริหารจัดการทีมฟุตบอลอาชีพ กรณีศึกษา สโมสรชลบุรี. เข้าถึงได้จาก http://research.bkkthon.ac.th/abstac/ab_21052563133613.pdf.
สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง. (2565). สถิติจำนวนประชากร พื้นที่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร ข้อมูลเดือนมกราคม 2565. เข้าถึงได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statMONTH/statmonth/#/displayData
สุรภพ จิตรงาม. (2560). การศึกษาแรงจูงใจและพฤติกรรมการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกของผู้ชม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Cochran, W. G. (1963). Sampling techniques (2nd ed.). New York: John Wiley and Sons Inc.
Deci, E. L. (1971). Effects of externally mediated rewards on intrinsic motivation. Journal of Personality and Social Psychology, 18(1), 105.
Fisher, R. J., & Wakefield, K. (1998). Factors leading to group identification: A field study of winners and losers. Psychology & Marketing, 15(1), 23-40.
Giulianotti, R. (1999). Football: A sociology of the global game. Cambridge: Polity Press.
Gudjonsson, G. H. (1984)., A new scale of interrogative suggestibility. Personality and Individual Differences, 5(3), 303-314.
Kotler, P. (1997). Marketing management: analysis, planning, implementation and control. (5th ed.). Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice Hall.
Kotler, P., Bowen, J. T., & Makens, J. (2014). Marketing for Hospitality and Tourism. (6th ed.). Upper Saddle River, New Jersey: Prentice-Hall.
McCaslin, M. L., & Scott, K. W. (2003). The five-question method for framing a qualitative research study. The Qualitative Report, 8(3), 447-461.
Nunnally, J. C. (1978). Psychometric theory. New York: McGraw-Hill Book.
Robinson, M. J., & Trail, G. T. (2005). Relationships among spectator gender, motives, points of attachment, and sport preference. Journal of Sport Management, 19(1), 58-80.
Sky Sport Team. (2019). Football. Pathumthani: Sky Books.
Sloan, L. R. (1989). The motives of sports fans. Sports, Games, and Play: Social and Psychological Viewpoints, 2(1), 175-240.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 มหาวิทยาลัยสยาม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผู้เขียนบทความ และผู้นำส่งบทความ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ สิทธิ์แห่งความเป็นเจ้าของบทความ สิทธิ์แห่งการได้มาซึ่งบทความ สิทธิ์ของการได้มาซึ่งข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในบทความ สิทธิ์ของการใช้เครื่องมือเพื่อการประมวลผล หรือสิทธิ์อื่นใดอันเกี่ยวข้องกับบทความ วารสาร “วารสารบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม เป็นผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้นำบทความออกเผยแพร่โดยสุจริตเท่านั้น สิทธิ์ทั้งปวงอันเกี่ยวข้องกับบทความยังเป็นของเจ้าของสิทธิ์อยู่ สิทธิ์นั้นไม่ได้ถูกถ่ายโอนมาเป็นของวารสารฯ แต่อย่างใด
ข้อความที่ปรากฏอยู่ในบทความนั้น ถือเป็นทัศนะอิสระของผู้เขียน โดยผู้เขียนแต่ละท่านให้การรับรองว่าบทความของตนมิได้ละเมิดลิขสิทธิ์อันเป็นของผู้อื่น วารสารฯ และ ผู้ทรงคุณวุฒิกลั่นกรองบทความ เป็นแต่เพียงผู้ให้ความเห็นเรื่องคุณภาพของเนื้อหา และความเหมาะสมของรูปแบบการนำเสนอเท่านั้น วารสารบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม และ ผู้ทรงคุณวุฒิกลั่นกรองบทความ ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อข้อความใดๆ อันเกิดจากทัศนะ และสิทธิ์ในการตีพิมพ์และเผยแพร่ของผู้เขียน