ความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจในการปฏิบัติงานและความภักดีต่อองค์กรกับประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน
คำสำคัญ:
ประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน, ความพึงพอใจ, ความภักดีบทคัดย่อ
การวิจัยครั้นี้เพื่อศึกษา 1) ความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน ความภักดีต่อองค์กร และประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน และ 2) ความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน และความภักดี ต่อองค์กรกับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล ในจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 364 คน เครื่องมือที่ใช้ คือแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่า
- ระดับความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล ในจังหวัด มหาสารคาม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.66) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการได้รับการยอมรับนับถือ ( = 3.75) ด้านความสำเร็จในการทำงานของบุคคล ( = 3.72) ด้านความมั่นคงในงาน ( = 3.72) ด้านความก้าวหน้า ( = 3.67) ด้านการปกครองบังคับบัญชา ( = 3.65) ด้านสภาพการทำงาน ( = 3.64) ด้านเงินเดือน ( = 3.63) ด้านลักษณะของงานที่ปฏิบัติ ( = 3.62) ด้านความรับผิดชอบ ( = 3.60) และด้านนโยบายและการบริหารงาน ( = 3.59) ตามลำดับ
- ระดับความภักดีต่อองค์กรของพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล ในจังหวัดมหาสารคาม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.68) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ด้านความภักดีต่อองค์กรด้านจิตใจ ( = 3.70) ด้านความภักดีต่อองค์กรด้านบรรทัดฐาน ( = 3.69) ด้านความภักดีต่อองค์กรด้านความคงอยู่ ( = 3.66) และด้านความภักดีต่อองค์กรด้านพฤติกรรม ( = 3.65) ตามลำดับ
- ระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล ในจังหวัด มหาสารคาม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.90) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ด้านกระบวนการปฏิบัติงาน ( = 3.93) ด้านความพอใจของทุกฝ่าย ( = 3.90) ด้านการจัดหาและใช้ปัจจัยทรัพยากร ( = 3.89) และด้านการบรรลุเป้าหมายความสำเร็จ ( = 3.87) ตามลำดับ
- ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันกับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล ในจังหวัดมหาสารคามอยู่ในระดับปานกลาง (rxy= .470) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
- ความภักดีต่อองค์กรมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันกับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดมหาสารคาม อยู่ในระดับปานกลาง (rxy= .536) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
References
โกวิทย์ นนทะแสน. (2542). การศึกษาความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรแขวงการทาง สังกัดสำนักทางหลวงที่ 5 (ขอนแก่น). การศึกษาค้นคว้าอิสระ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ขะธิณยา หล้าสุวงษ์. (2545). ความสมัพนัธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลภาวะผู้นำบารมีของหัวหน้าหอผู้ป่วยความก้าวหน้าในอาชีพ ความจงรักภกัดีต่อองค์กรของพยาบาลประจำการ โรงพยาบาลชุมชน. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ฉัตรศิริ ปิยะพิมลสิทธิ์. (2548). การใช้ SPSS เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล. กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ชื่น สุขศิริ. (2549). จิตวิทยาอุตสาหกรรม. กรุงเทพฯ: สูตรไพศาล. ณัฏฐพันธ์ เขจรนันท์. (2548). การจัดการทรัพยากรมนุษย์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น.
ดวงพร พาหุลรัตน์ และ กฤช จรินโท. (2556). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อความเครียดในงาน ความพึงพอใจในงาน ที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลระยอง จังหวัดระยอง. สยามวิชาการ, 14(1), 53 – 72.
ถวัลย์ เอื้อวิศาลวรวงศ์. (2547). ความจงรักภักดีต่อองค์การ: กรณีศึกษาเฉพาะพนักงานทั่วไปบริษัท เบทาโกร อโกรกรุ๊ป จำกัด (มหาชน). ภาคนิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
ทิพยา กิจวิจารณ์. (2549). วิธีการวิจัยทางการศึกษา. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.
ทิพวรรณ ศิริสมภพรมย์. (2553). การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล: แนวทางสร้างความพึงพอใจแก่พนักงาน เล่ม 5. กรุงเทพฯ: อินโนกราฟฟิกส์.
ทิพาวดี เมฆสวรรค์. (2548). การส่งเสริมประสิทธิภาพในส่วนราชการ. กรุงเทพฯ: สำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน.
ธัญญา ผลอนันต์. (2547). เส้นทางจากกลยุทธ์สู่การปฏิบัติด้วย Balanced Score Card และ Performance Indicators. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธารทิพย์ ศุขสายชล. (2546). ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของพนักงาน บริษัท ดีเอชแอล อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ.
บุญชม ศรีสะอาด. (2547). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สุรีวิยาสาส์น.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2544). จิตวิทยาอุตสาหกรรม. กรุงเทพฯ: สหมิตรออฟเซต.
มาโนชน์ จันทร์เกตุ. (2549). ประสิทธิภาพการบริหารงานองค์กรบริหารส่วนตำบลในเขต อำเภอเมืองมหาสารคาม. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
รัชนี ตรีสุทธิวงษา. (2552). ความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจในการทำงาน ความจงรักภักดีต่อ องค์กร และประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานมหาวิทยาลัยมหาสารคาม. วิทยานิพนธ์ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
วิชัย แหวนเพชร. (2548). มนุษย์สัมพันธ์ในการบริหารอุตสาหกรรม (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : ธรรมกมล.
วิทยา ด่านธำรงกูล. (2546). การบริการ. กรุงเทพฯ: เธิร์ดเวฟ เอ็ดดุเคชั่น.
วิเชียร วิทยอุดม. (2551). พฤติกรรมองค์การ (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ : ธนธัชการพิมพ์.
ศนิกานต์ ศิริศักดิ์ยศ. (2548). ความจงรักภักดีต่อองค์กร ศึกษาเฉพาะกรณีพนักงานระดับปฏิบัติการ สายงานบริการลูกค้า บริษัท ทีเอ ออเร็นจ์จำกัด. ภาคนิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สถาบัน บัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
สมนึก ภัททิยธนี. (2546). สถิติพื้นฐานเพื่อการวิจัย (พิมพ์ครั้งที่ 2). มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สุรพงษ์ ภิยโยภาพ. (2546). ปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของพนักงาน. วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีการบริหาร, สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
หทัยรัตน์ ตันสุวรรณ. (2550). ปัจจัยด้านวัฒนธรรมองค์กร ความจงรักภักดีต่อองค์กร และบรรยากาศใน องค์กรที่มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
อุชุมพร แก้วขุนทด. (2550). ความไวว้างใจในผู้นำองค์กร ความไว้วางใจภายในองค์กร และความจงรักภักดีต่อองค์กรที่มีผลต่อพฤติกรรมและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน บริษัท เนตบีเคเค จำกัด. วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
Herzberg, F. et. al. (1959). The Motivation to Work (2nd ed.). New York: John Wiley and Sons.
Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper and Row.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2016 คนางค์ ภูถมดี
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผู้เขียนบทความ และผู้นำส่งบทความ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องลิขสิทธิ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ สิทธิ์แห่งความเป็นเจ้าของบทความ สิทธิ์แห่งการได้มาซึ่งบทความ สิทธิ์ของการได้มาซึ่งข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในบทความ สิทธิ์ของการใช้เครื่องมือเพื่อการประมวลผล หรือสิทธิ์อื่นใดอันเกี่ยวข้องกับบทความ วารสาร “สยามวิชาการ” เป็นผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้นำบทความออกเผยแพร่โดยสุจริตเท่านั้น สิทธิ์ทั้งปวงอันเกี่ยวข้องกับบทความยังเป็นของเจ้าของสิทธิ์อยู่ สิทธิ์นั้นไม่ได้ถูกถ่ายโอนมาเป็นของวารสารฯ แต่อย่างใด
ข้อความที่ปรากฏอยู่ในบทความนั้น ถือเป็นทัศนะอิสระของผู้เขียน โดยผู้เขียนแต่ละท่านให้การรับรองว่าบทความของตนมิได้ละเมิดลิขสิทธิ์อันเป็นของผู้อื่น วารสารฯ และ ผู้ทรงคุณวุฒิกลั่นกรองบทความ เป็นแต่เพียงผู้ให้ความเห็นเรื่องคุณภาพของเนื้อหา และความเหมาะสมของรูปแบบการนำเสนอเท่านั้น วารสารบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม และ ผู้ทรงคุณวุฒิกลั่นกรองบทความ ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อข้อความใดๆ อันเกิดจากทัศนะ และสิทธิ์ในการตีพิมพ์และเผยแพร่ของผู้เขียน